คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1518/2521

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

กุฎีเจริญพาสน์หรือกุฎีเจ้าเซ็นเป็นทรัสต์การกุศล ทรัสตีจัดการตามความคิดเห็นไม่ผิดข้อบัญญัติศาสนาอิสลาม ไม่ทุจริตไม่เป็นเหตุที่จะถอดจากทรัสตี

ย่อยาว

จำเลยเป็นทรัสตีกุฎีเจริญพาสน์หรือกุฎีเจ้าเซ็น ซึ่งเป็นทรัสต์การกุศล เป็นการกุศล เป็นการปฏิบัติตามที่เคยทำกันมาช้านาน ไม่มีตราสารข้อบังคับศาลชั้นต้นพิพากษาให้ถอดถอนจำเลยจากการเป็นทรัสตี ตั้งโจทก์เป็นแทนจำเลย ให้จำเลยส่งมอบทรัพย์สินกุฎีเจริญพาสน์แก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ในปัญหาที่ว่าจะควรถอดถอนจำเลยจากตำแหน่งทรัสตีตามที่โจทก์ฎีกาหรือไม่นั้น โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่าจำเลยทำผิดหน้าที่ทรัสตี โดยรื้อถอนกุฎีเจริญพาสน์และเอาที่ดินของทรัสต์ที่ปลูกสร้างกุฎีนั้นไปให้ผู้รับเหมาก่อสร้างตึกแถวให้เช่าเพื่อเอาค่าหน้าดินและผลประโยชน์อย่างอื่นเป็นประโยชน์ส่วนตัว กับสมยอมกับผู้รับเหมาให้ผู้รับเหมาฟ้องจำเลยฐานผิดสัญญา แล้วทำยอมความชดใช้เงินให้ผู้รับเหมาและยอมให้ผู้รับเหมายึดที่ดินของทรัสต์ขายทอดตลาด

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยรื้อถอนกุฎีเจริญพาสน์จะให้ผู้รับเหมาทำการก่อสร้างในที่ดินของทรัสต์นั้น ฟังได้ว่ามูลเหตุเนื่องมาจากจำเลยซึ่งเป็นทรัสตีเห็นว่า การประกอบพิธีกรรมทางศาสนากระทำไม่ได้สะดวก เพราะที่ดินบางส่วนถูกเวนคืนเป็นถนนอิสระภาพ การแห่รอบกุฎีทำไม่ได้เหมือนเดิม ทั้งไม่มีข้อห้ามทางศาสนาไม่ให้รื้อกุฎี จำเลยจึงต้องหาที่ดินเพื่อสร้างกุฎีที่หมู่บ้านเศรษฐกิจโดยเจ้าของที่ดินอุทิศให้ และยังได้จัดซื้อที่ดินอีกส่วนหนึ่งเพื่อจะให้บรรดาสัปปุรุษได้มีที่อยู่อาศัยใกล้กับกุฎีที่สร้างขึ้นใหม่นั้น เพื่อสะดวกแก่การประกอบพิธีกรรมทางศาสนา จำนวนที่ดินที่จัดหาใหม่กว้างขวางกว่าเดิมมากนับว่าเป็นความคิดริเริ่มที่เป็นประโยชน์แก่บรรดาสัปปุรุษอิสลามิกชน ที่โจทก์ฎีกาว่า ผู้ก่อสร้างทรัสต์อุทิศที่ดินและสร้างกุฎีเจริญพาสน์ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็นที่ประกอบศาสนกิจของอิสลามิกชนนิกายซีอ๊ะห์ ทรัสตีมีหน้าที่ทนุบำรุงให้เป็นที่ประกอบศาสนกิจสืบไป หากรื้อกุฎีและโรงต้นบุชเดิมอันเป็นที่ประกอบศาสนกิจออกไป ย่อมผิดวัตถุประสงค์ทำให้ทรัสตีสิ้นสภาพ ถือได้ว่าจำเลยทำผิดหน้าที่ทรัสตีอย่างร้ายแรงนั้น เห็นว่า ในการจัดตั้งทรัสตีกุฎีเจริญพาสน์ไม่มีตราสารกำหนดอำนาจหน้าที่ของทรัสตีไว้ เป็นแต่ถือปฏิบัติตามที่ทรัสตีคนก่อน ๆ ปฏิบัติสืบต่อกันมา การที่จำเลยรื้อกุฎีโดยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นก็มีสัปปุรุษเห็นชอบด้วยอยู่ไม่น้อย และจำเลยนำสืบฟังได้ว่า จำเลยได้เคยหารือกับผู้เชี่ยวชาญทางศาสนาอิสลามปากีสถานแล้วว่า การรื้อกุฎีไม่ผิดข้อบัญญัติศาสนาอิสลาม การที่โจทก์กับพวกคัดค้าน จึงเป็นเรื่องต่างความคิดเห็นกันเท่านั้น การกระทำของจำเลยไม่ทำให้ทรัสต์สิ้นสภาพไป เพราะมีที่ดินและกุฎีที่ประกอบศาสนกิจซึ่งจำเลยจัดหาใหม่เป็นทรัพย์สินของทรัสต์แทนที่ดินเก่า โดยใช้เงินผลประโยชน์ของทรัสต์จัดซื้อหามา ข้อที่ว่า จำเลยได้ค่าหน้าดินและผลประโยชน์อย่างอื่นเป็นประโยชน์ส่วนตัวนั้น ก็ไม่มีหลักฐานพอรับฟังเช่นนั้นได้ คงได้ความจากคำเบิกความของโจทก์เพียงว่า โจทก์เข้าใจว่าจำเลยจะได้ผลประโยชน์จากการก่อสร้าง ซึ่งจำเลยเคยถูกนายมัด อากาหยีฟ้องขอให้ถอดถอนจำเลยจากทรัสตีเพราะเหตุนี้มาก่อน และศาลวินิจฉัยชี้ขาดแล้วว่า จำเลยมิได้เบียดบังเอาผลประโยชน์ของทรัสต์เป็นส่วนตัวจึงพิพากษาห้ามมิให้จำเลยรื้อถอนกุฎี และปลูกสร้างอาคารในที่ดินของทรัสต์โดยมิได้ถอดถอนจำเลยจากทรัสตี ปรากฏตามสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 6408/2510 ที่โจทก์ฎีกาว่าการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ไม่มีข้อห้ามทางศาสนาให้รื้อกุฎีเป็นการรื้อฟื้นคำพิพากษาฎีกาที่ 1061/2515 ซึ่งวินิจฉัยไว้ว่าการรื้อกุฎีเจริญพาสน์ทำไม่ได้ ต้องห้ามทางศาสนานั้น เห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์เพียงแต่ยกเอาคำเบิกความของจำเลยตอนหนึ่งซึ่งจำเลยเบิกความแสดงความคิดเห็นของจำเลยว่า การรื้อกุฎีกระทำได้ ไม่มีข้อห้ามทางศาสนามาเป็นข้อวินิจฉัยว่า ความคิดเห็นของจำเลยกับโจทก์แตกต่างกันเท่านั้น หาใช่รื้อฟื้นคำพิพากษาที่ได้ชี้ขาดแล้วขึ้นวินิจฉัยใหม่ไม่

ส่วนในปัญหาที่ว่า จำเลยสมยอมกับผู้รับเหมาให้ผู้รับเหมาฟ้องฐานผิดสัญญา และทำยอมความยอมให้ผู้รับเหมายึดที่ดินของทรัสต์ขายทอดตลาด เป็นการทำผิดหน้าที่ของทรัสต์หรือไม่นั้น โจทก์ฎีกาโต้เถียงขึ้นมาว่า จำเลยยังขืนกระทำซ้ำทั้งที่เคยเป็นคดีกัน จนเป็นเหตุให้ทรัสต์ถูกยึดทรัพย์ ทั้งยังปรากฏว่าจำเลยได้รับเงินจากนายเหนือ วงศ์ชาญสถาปัตย์ เป็นค่าหน้าดินที่จะสร้างตึกแถว โดยมิได้แสดงให้เห็นว่าได้ใช้จ่ายเงินนั้นไปเพื่อการใดบ้าง จึงเป็นการทำลายทรัสต์ ควรถอดถอนจำเลยออกจากการเป็นทรัสตี ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ไม่ได้ความชัดตามคำเบิกความของพยานโจทก์และฎีกาของโจทก์เลยว่า จำเลยกระทำซ้ำขัดคำสั่งศาลในคดีเรื่องใด การกระทำของจำเลยเท่าที่ปรากฏมีอาทิ การรื้อกุฎีก็ดี ตกลงกับผู้รับเหมาให้ก่อสร้างตึกแถวทำประโยชน์ในที่ดินของทรัสต์และอื่น ๆ ก็ดี สืบเนื่องมาจากความคิดเห็นของจำเลยที่จะจัดหาผลประโยชน์จากที่ดินของทรัสต์เพื่อจัดซื้อที่ดินสร้างกุฎีและที่พักอาศัยของสัปปุรุษใหม่ การที่ทรัสต์ถูกยึดทรัพย์เพราะจำเลยผิดสัญญานั้น แท้ที่จริงเป็นเพราะโจทก์กับพวกร้องคัดค้านนำคดีขึ้นสู่ศาล จนผู้รับเหมาไม่อาจดำเนินการก่อสร้างได้จึงปรับเอาจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา เมื่อวินิจฉัยว่าความคิดเห็นและการกระทำของจำเลยเป็นไป เพื่อประโยชน์ของศาสนาและสัปปุรุษอิสลามิกชนแล้ว การที่จำเลยต้องยอมความเป็นเหตุให้ทรัสต์ถูกยึดทรัพย์ก็ไม่ใช่การทุจริตผิดหน้าที่ทรัสตีแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้รับเงินผลประโยชน์เป็นค่าหน้าดินจากผู้รับเหมา แต่ก็มีเหตุผลเชื่อได้ว่า จำเลยได้ใช้จ่ายไปในการว่าจ้างบริษัทเศรษฐกิจและการพาณิชย์ให้ก่อสร้างถนนผ่านหน้าที่ดินที่จำเลยจองไว้ สำหรับก่อสร้างกุฎีใหม่เป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน ดังที่ศาลอุทธรณ์ได้ให้เหตุผลไว้โดยละเอียดแล้ว โจทก์มิได้โต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ว่าคลาดเคลื่อนไม่ตรงต่อความจริง จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติทุจริตต่อทรัสต์ดังที่โจทก์ฎีกายังไม่สมควรถอดถอนจำเลยจากทรัสตีกุฎีเจริญพาสน์”

พิพากษายืน

Share