คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7517/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

หนังสือสัญญาจำนองที่มีข้อความว่าผู้จำนองตกลงจำนองที่ดินแก่ผู้รับจำนองเพื่อเป็นประกันเงินกู้ซึ่งผู้จำนองได้กู้ยืมเงินไปจากผู้รับจำนองและให้ถือสัญญาจำนองนี้เป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินด้วยเมื่อสัญญาจำนองมีลายมือชื่อจำเลยจึงถือได้ว่าสัญญาจำนองดังกล่าวเป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา653

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2533 จำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 143314 พร้อมสิ่งปลูกสร้างตึกแถวเลขที่ 50หมู่ที่ 18 เป็นประกันเงินกู้แก่โจทก์จำนวน 2,200,000 บาท ยอมเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี กำหนดไถ่ถอนและชำระเงินกู้คืนภายใน 6 เดือน จำเลยชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์บางส่วนเพียง107,525 บาท ส่วนต้นเงินไม่เคยชำระ โจทก์ให้ทนายความมีหนังสือทวงถามให้ชำระหนี้และบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลย จำเลยได้รับแล้วแต่ไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยไถ่ถอนจำนองและชำระเงินจำนวน2,652,558 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน2,200,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์หากไม่ชำระให้นำทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้กู้เงินโจทก์ตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 2,200,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2534จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่143314 ตำบลสำโรงใต้ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการพร้อมตึกแถวเลขที่ 50 หมู่ที่ 18 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สำหรับฎีกาข้อสุดท้ายของจำเลยที่ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะสัญญาจำนองเอกสารหมาย จ.1ไม่ใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 นั้น เห็นว่าสัญญาจำนองเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 1 มีข้อความว่า ผู้จำนองตกลงจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 143314 แก่ผู้รับจำนองเพื่อเป็นประกันเงินกู้ซึ่งผู้จำนองได้กู้ยืมเงินไปจากผู้รับจำนองและให้ถือสัญญาจำนองนี้เป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินด้วย เมื่อสัญญาจำนองมีลายมือชื่อจำเลยจึงถือได้ว่าสัญญาจำนองเป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share