คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1962/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ล. เข้าแย่งปืนจากจำเลยซึ่งเมาสุราขณะจำเลยจ้องปากกระบอกปืนไปทางผู้เสียหายแล้วประมาณ3อึดใจเช่นนี้หากจำเลยมีเจตนาฆ่าก็น่าจะยิงทันทีที่จ้องปากกระบอกปืนไปทางผู้เสียหายการกระทำของจำเลยมีเจตนาเพียงต้องการวางอำนาจและแกล้งขู่ผู้เสียหายเท่านั้นหามีเจตนาฆ่าไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก 10 ปีจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า คืนเกิดเหตุจำเลยกับพวกดื่มสุราที่เพิงขายสุราของผู้เสียหายซึ่งอยู่ที่หน้าวัดน้ำฉา ต่อมาจำเลยเข้าไปในวัดดังกล่าวซึ่งกำลังมีงานศพ คืนนั้นจำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมขณะอยู่ในวัดในข้อหามีอาวุธปืนและกระสุนปืนโดยมิได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนไปในที่ชุมนุมชนโดยไม่มีเหตุอันสมควรแล้ววินิจฉัยว่า “…คดีนี้ผู้เสียหายและนางสวัสดิ์ภริยามิได้มาเบิกความ โจทก์คงมีนายเสนอหรืออุ่น คงพล และนายลาภ ดีชูศรมาเบิกความเป็นประจักษ์พยาน นายเสนอหรือุ่นเบิกความว่าจำเลยชักปืนออกมาแล้วจ้องไปทางผู้ใดไม่ทันสังเกต เพราะนายเสนอหรืออุ่นวิ่งหนีไปเสียก่อน ประจักษ์พยานโจทก์ที่เบิกความว่าจำเลยจ้องปากกระบอกปืนไปทางผู้เสียหายคือนายลาภ นายลาภเบิกความว่าจำเลยนายเสนอ และนางสวัสดิ์กับคนอื่นอีก 1 หรือ 2 คน นั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกัน ผู้เสียหายยืนอยู่ข้างนางสัวสดิ์ นายเสนอพูดเกี้ยวนางสวัสดิ์ ผู้เสียหายพูดห้ามนายเสนอ จำเลยยกแก้วขึ้นตบโต๊ะลุกขึ้นยืนชักปืนลูกซองพกออกจากเอว แล้วจ้องปากกระบอกปืนไปทางผู้เสียหายซึ่งอยู่ห่างจำเลยประมาณ 1 วา นานประมาณ 3 อึดใจนายลาภจึงเข้าไปแย่งปืน แต่กำลังสู้จำเลยไม่ได้จึงเลิกแย่งแล้วเดินเข้าไปในวัด ตามคำเบิกความของนายลาภดังกล่าว นายลาภเข้าแย่งปืนจากจำเลยเมื่อจำเลยจ้องปากกระบอกปืนไปทางผู้เสียหายแล้วประมาณ3 อึดใจ ศาลฎีกาเห็นว่า ถ้าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายก็น่าจะยิงทันทีที่จ้องปากกระบอกปืนไปทางผู้เสียหาย พิเคราะห์พฤติการณ์ของจำเลยแล้วเห็นว่าจำเลยซึ่งเมาสุราอาจกระทำการดังกล่าวโดยมีเจตนาเพียงแต่ต้องการวางอำนาจและแกล้งขู่ผู้เสียหายก็ได้ พยานหลักฐานของโจทก์ไม่ได้ความชัดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share