คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4195-4197/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำร้องของจำเลยแล้ว หากจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้น จำเลยก็ชอบที่จะยื่นอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ภาค 7 เพื่อให้เป็นไปตามลำดับชั้นศาล เมื่อพิจารณาคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยดังกล่าวพอแปลความหมายได้ว่าจำเลยต้องการให้ศาลฎีกาอธิบายความหมายของคำสั่งที่อนุญาตให้จำเลยถอนฎีกาตามคำร้องว่าในกรณีนี้คดีถึงที่สุดเมื่อใด
ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยถอนฎีกา แต่ยังมิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับการออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดตามที่จำเลยยื่นคำร้องไว้ เมื่อกรณีที่จำเลยขอถอนฎีกาเช่นนี้ ศาลฎีกาเคยมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยถอนฎีกาแล้วสั่งต่อไปว่าคดีถึงที่สุดนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอถอนฎีกาในกรณีที่จำเลยนั้นต้องขังระหว่างฎีกาในขณะยื่นคำร้อง แต่คดีนี้จำเลยได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกาและขณะที่ยื่นคำร้องขอถอนฎีกา จำเลยยังได้รับการปล่อยชั่วคราว ผู้ประกันเพิ่งมาขอถอนประกันและส่งตัวจำเลยต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2554 ฉะนั้น จึงเห็นควรระบุให้ชัดเจนว่าคดีถึงที่สุดนับแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2554 อันเป็นวันที่ผู้ประกันส่งตัวจำเลย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 83 ลงโทษจำคุกกระทงละ 6 เดือน 3 กระทง รวมจำคุก 18 เดือน และให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายทั้งสามคนละ 500,000 บาท นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5613/2551 ของศาลชั้นต้น โดยศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ให้จำเลยฟังวันที่ 24 ธันวาคม 2553 จำเลยยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2554 จำเลยยื่นคำร้องขอถอนฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยถอนฎีกา จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความศาลฎีกา ให้ศาลชั้นต้นบังคับโทษจำเลยไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 โดยศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งให้จำเลยฟังวันที่ 22 ธันวาคม 2554 และออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดลงวันที่ 22 ธันวาคม 2554
ต่อมาวันที่ 12 มกราคม 2555 จำเลยยื่นคำร้องว่า ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยถอนฎีกาได้ เนื่องจากจำเลยขอถอนฎีกาก็เพื่อให้ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ จึงขอศาลได้โปรดแจ้งกำหนดวันคดีถึงที่สุดว่าเป็นวันที่เท่าใด เพื่อจำเลยจะได้แจ้งหน่วยงานราชการต่อไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีถึงที่สุดวันที่ 22 ธันวาคม 2554 ตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดในสำนวน
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ส่งคำร้องและสำนวนให้ศาลฎีกาพิจารณาต่อไป
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำร้องของจำเลยแล้ว หากจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้น จำเลยก็ชอบที่จะยื่นอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ภาค 7 เพื่อให้เป็นไปตามลำดับชั้นศาล แต่จำเลยกลับยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาตามคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยดังกล่าวพอแปลความหมายได้ว่าจำเลยต้องการให้ศาลฎีกาอธิบายความหมายของคำสั่งที่อนุญาตให้จำเลยถอนฎีกาตามคำร้องลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2554 ว่าในกรณีนี้คดีถึงที่สุดเมื่อใด พิจารณาแล้วเห็นว่า ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยถอนฎีกาตามคำสั่งที่ ท.2623/2554 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 แต่ยังมิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับการออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดตามที่จำเลยยื่นคำร้องไว้ เมื่อกรณีที่จำเลยขอถอนฎีกาเช่นนี้ ศาลฎีกาเคยมีคำสั่งมาหลายคดีที่อนุญาตให้จำเลยถอนฎีกาแล้วสั่งต่อไปว่าคดีถึงที่สุดนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอถอนฎีกา แต่เนื่องจากในกรณีที่จำเลยนั้นต้องขังระหว่างฎีกา ในขณะยื่นคำร้องคดีนี้จำเลยได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกาและขณะที่ยื่นคำร้องขอถอนฎีกา จำเลยยังได้รับการปล่อยชั่วคราว ผู้ประกันเพิ่งมาขอถอนประกันและส่งตัวจำเลยต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2554 ฉะนั้น จึงเห็นควรระบุให้ชัดเจนว่าคดีถึงที่สุดนับแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2554 อันเป็นวันที่ผู้ประกันส่งตัวจำเลย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดให้แก่จำเลยนับแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2554 อันเป็นวันที่ผู้ประกันส่งตัวจำเลย

Share