คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2533/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในเขตโฉนดที่ดินของโจทก์โดยการครอบครองปรปักษ์ใช้ยันโจทก์ซึ่งได้ที่ดินมาโดยเจ้าของเดิมยกให้แต่จำเลยจะฟ้องขอให้เจ้าพนักงานที่ดินจัดการโอนใส่ชื่อจำเลยและจัดการแบ่งแยกให้จำเลยไม่ได้ และศาลจะพิพากษาให้โจทก์จัดการแบ่งแยกให้แก่จำเลยไม่ได้ เพราะโจทก์ไม่มีหน้าที่อย่างใดในทางนิติกรรมที่จะต้องโอนให้จำเลย เป็นหน้าที่ของจำเลยที่ จะต้องดำเนินการให้มีชื่อของตนในโฉนดต่อไป

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้เพิกถอนนิติกรรมยกให้ที่ดินตามโฉนดเลขที่ 2531 ตามฟ้องเฉพาะส่วนที่พิพาท กับพิพากษาว่าที่ดินส่วนที่จำเลยที่ 1 ครอบครองอยู่นั้น จำเลยที่ 1 ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองและให้โจทก์จัดการแบ่งแยกให้แก่จำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่จำเลยที่ 1 นำสืบว่า จำเลยที่ 1 และสามีได้ครอบครองที่ดินพิพาทเป็นของตนตลอดมาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี จำเลยที่ 1 จึงได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ส่วนที่โจทก์ได้จดทะเบียนรับโอนที่ดินโฉนดแปลงนี้รวมทั้งที่พิพาทมาจากบิดาโจทก์ ก็ปรากฏว่าโจทก์รับโอนมาโดยไม่มีค่าตอบแทน และโจทก์ได้ทราบอยู่ก่อนแล้วว่าจำเลยที่ 1 ครอบครองที่ดินพิพาทนั้นตลอดมาดังปรากฏจากคำเบิกความของบิดาโจทก์แสดงให้เห็นเหตุที่โอนที่ดินโฉนดตามฟ้องให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 1 จึงยกการครอบครองโดยปรปักษ์ขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับโจทก์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรค 2 นั้นได้ และมีสิทธิฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนการโอนเฉพาะส่วนที่เป็นที่พิพาทระหว่างบิดาโจทก์กับโจทก์ได้

ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันให้จำเลยที่ 1 ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครอง และให้เพิกถอนการโอนเฉพาะส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย แต่ที่พิพากษาให้โจทก์จัดการแบ่งแยกให้แก่จำเลยที่ 1 นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นด้วย เพราะโจทก์ไม่มีหน้าที่อย่างใดในทางนิติกรรมที่จะต้องโอนให้จำเลย เป็นหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ที่จะต้องดำเนินการให้มีชื่อของตนในโฉนดต่อไป

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอของจำเลยที่ 1 ตามฟ้องแย้งที่ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินจัดการโอนใส่ชื่อจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และจัดการแบ่งแยกให้แก่จำเลยที่ 1 นั้นเสีย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 200 บาท แก่จำเลยที่ 1”

Share