คำสั่งคำร้องที่ 2130/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า คดีนี้กับคดีหมายเลขแดงที่ 1091/2537 ของ ศาลชั้นต้น ระหว่างนายประดิษฐ์ หนูแก้ว โจทก์ กับนายทิ้งหรือทิ่งแก้วประดับที่1นางเอื้อนแก้วประดับหรือสุขเกษม ที่ 2 จำเลย ซึ่งได้มีการยื่นฎีกา เนื่องจากโจทก์ในคดีนี้กับคดีดังกล่าวเป็นบุคคลเดียวกันและที่ดินที่ตกลง ทำสัญญาประนีประนอมยอมความทั้งสองคดีก็อยู่ติดกัน พยานหลักฐาน เป็นอย่างเดียวกัน ฎีกาและคำแก้ฎีกามีลักษณะเหมือนกัน ดังนั้นเพื่อสะดวกแก่การพิจารณาของศาลฎีกา โปรดมีคำสั่ง ให้รวมการพิจารณาคดีนี้กับคดีดังกล่าวเข้าด้วยกัน โปรดอนุญาต หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่ คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอม ยอมความว่า จำเลยตกลงขายที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1145 ตำบลทุ่งตำเสา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ให้โจทก์บางส่วน เนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ 2 งาน 58 ตารางวา โดยจำเลยจะดำเนินการขอให้เจ้าพนักงานที่ดิน จดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินส่วนที่จะขายออกจากที่ดินเดิม ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แทนการแสดงเจตนาของจำเลย เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินเสร็จแล้ว จำเลยตกลงบอกกล่าวเป็นหนังสือแจ้งกำหนดวันจดทะเบียนโอนที่ดินให้โจทก์ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน ก่อนวันจดทะเบียนโอนที่ดิน และโจทก์ ตกลงชำระเงินจำนวน 936,750 บาท ให้แก่จำเลยในวันจดทะเบียนโอนที่ดิน ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยมีหนังสือบอกกล่าวล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน กำหนดวันจดทะเบียนโอนที่ดินให้โจทก์วันที่ 22 กันยายน 2537 แต่ในวันดังกล่าวโจทก์ไม่สามารถไปดำเนินการจดทะเบียนรับโอนที่ดินได้ จึงมีหนังสือ ขอเลื่อนกำหนดวันนัดเป็นวันที่ 27 กันยายน 2537 และแจ้งให้ แก่จำเลยทราบโดยชอบแล้ว ครั้นถึงกำหนดโจทก์ไปสำนักงานที่ดิน จังหวัดสงขลาสาขาหาดใหญ่ เพื่อรับโอนที่ดิน แต่จำเลยไม่ยอมไป โจทก์จึงขอให้ศาลชั้นต้นนัดจำเลยให้ดำเนินการปฏิบัติ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลชั้นต้นนัดพร้อมเพื่อสอบถาม จำเลยแถลงไม่ประสงค์จะโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ เพราะโจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยได้แจ้งกำหนดนัดวันโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินให้โจทก์ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน แล้ว และในวัน นัดโอนจำเลยได้ไปที่สำนักงานที่ดินพร้อมที่จะปฏิบัติตาม สัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว แต่โจทก์ไม่ไปตามกำหนดนัด และขอเลื่อนกำหนดนัดโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามสัญญา ถือว่าสัญญา ประนีประนอมยอมความดังกล่าวไม่มีผลให้บังคับแก่จำเลย อีกต่อไป ยกคำร้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมของศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา (อันดับ 50) โจทก์ยื่นคำร้องนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งศาลฎีกาพิจารณาสั่ง (อันดับ 54) ชั้นอุทธรณ์ โจทก์ยื่นคำร้องขอรวมการพิจารณา ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 สั่งว่า เรียงคำพิพากษาเสร็จแล้ว จึงไม่จำเป็นต้อง สั่งคำร้องขอรวมพิจารณาอีกให้ยกคำร้อง (อันดับ 42)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีนี้กับคดีที่โจทก์ขอให้รวมการพิจารณานั้น จำเลยมิได้เป็นบุคคลเดียวกันและการพิจารณาคดีรวมกันไม่เป็นการสะดวก จึงไม่เห็นสมควรที่จะนำคดีนี้ไปรวมพิจารณา พิพากษากับคดีดังกล่าว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

Share