แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
คดีที่วัดศรีชุมเป็นโจทก์ยื่นฟ้องอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ที่ ๑ สำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย ที่ ๒ กรมศิลปากร ที่ ๓ จำเลย ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครอง กรณีมีการขึ้นทะเบียนโบราณสถานเมืองเก่าสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ซึ่งมีที่ดิน ส.ค. ๑ เลขที่ ๗๒๓ ของโจทก์ อยู่ในเขตโบราณสถานด้วย ต่อมาจำเลยทั้งสามเข้ามาบูรณะซ่อมแซมองค์พระพุทธอจนะและมณฑปในที่ดินของโจทก์ แต่ไม่ยอมออกจากที่ดินและไม่ให้โจทก์เข้าครอบครองที่ดิน รวมถึงได้เรียกเก็บเงินค่าผ่านเข้าชมโบราณสถาน แต่ไม่ส่งมอบเงินให้แก่โจทก์ ทั้งยังปลูกสร้างอาคารพาณิชย์ในที่ดินของโจทก์ เห็นว่า แม้เหตุแห่งการฟ้องคดีนี้สืบเนื่องมาจากการที่จำเลยที่ ๓ ผู้มีหน้าที่ดูแลรักษาและควบคุมโบราณสถาน ซึ่งอาศัยอำนาจตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานเมืองเก่าสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย รวมถึงที่ดินของโจทก์ โดยอ้างว่าโบราณสถานวัดศรีชุมไม่ได้ตั้งอยู่ในที่ดินพิพาทตามฟ้อง จึงไม่ใช่ที่ดินของโจทก์ แต่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โดยโจทก์มีคำขอหลักให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสามและบริวารออกจากที่ดินพิพาท อันเป็นกรณีโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน ทั้งความมุ่งหมายของโจทก์ที่ฟ้องต่อศาลก็เพื่อให้ศาลรับรองคุ้มครองสิทธิในที่ดินของโจทก์ การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามคำขอของโจทก์ได้นั้น ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่าที่ดินพิพาท โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองตามที่กล่าวอ้างหรือเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินเป็นสำคัญ แล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นได้ต่อไป จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม