คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับผิดร่วมในผลที่บุตรผู้เยาว์(ของจำเลย ทำละเมิด จำเลยไม่อุทธรณ์ในข้อนี้ ทั้งยังแก้อุทธรณ์ยอมรับว่าศาลชั้นต้นพิพากษาชอบแล้วจำเลยฎีกาในข้อนี้ไม่ได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 432 วรรคท้าย เป็นบทบัญญัติสำหรับแยกความรับผิดระหว่างผู้ละเมิดด้วยกัน มิใช่ว่ารับผิดต่อเจ้าหนี้ ซึ่งมีวรรคหนึ่ง บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้วว่าต้องร่วมกันรับผิดใช้ คำว่า “ร่วมกันใช้” มีความหมายว่า แต่ละคนจำต้องชำระหนี้สิ้นเชิง แต่เจ้าหนี้จะเรียกชำระหนี้จากคนใดทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้ถึงกระนั้นลูกหนี้ทั้งหมดก็ยังคงต้องผูกพันอยู่ทั่วทุกคนจนกว่าหนี้นั้นจะได้ชำระสิ้นเชิง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 291
การทำให้ทรัพย์เขาเสียหายโดยผิดกฎหมายเป็นละเมิด เมื่อร่วมกันกระทำก็เป็นการร่วมกันทำละเมิด และต้องร่วมกันรับผิด กฎหมายมุ่งหมายถึงการกระทำ มิใช่ดูผลของความเสียหายว่าแยกกันได้หรือไม่ แม้จะไม่รู้ตัวว่าคนไหนก่อให้เกิดเสียหาย แต่ถ้าเป็นพวกที่ทำละเมิดร่วมกันแล้ว ก็ต้องรับผิดร่วมกันทั้งหมดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 432

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ได้ร่วมกันใช้มีดและขวานฟันทำลายต้นทุเรียนของโจทก์ 71 ต้น ราคา 58,800 บาท ศาลจังหวัดนนทบุรีพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานทำให้เสียทรัพย์ จำเลยที่ 5 เป็นมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมของจำเลยที่ 4 ผู้เยาว์ของศาลพิพากษาให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 58,800 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ขาดนัดยื่นคำให้การ

จำเลยที่ 5 ให้การปฏิเสธความรับผิดและว่า แม้ศาลพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ความผิดพอแบ่งแยกกันได้ว่าจำเลยคนใดได้ทำให้โจทก์เสียหายมากน้อยเพียงใด โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันรับผิดใช้ค่าเสียหาย

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ค่าเสียหายทั้งสิ้น 27,202 บาท ให้แยกความรับผิดกันคือให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 26,638 บาท โดยรับผิดคนละ 8,879.33 บาท จำเลยที่ 4-5 ร่วมกันรับผิด 564 บาทพร้อมดอกเบี้ย

โจทก์อุทธรณ์ขอให้พิพากษาให้จำเลยรับผิดในค่าเสียหายคนละเท่า ๆ กัน หรือร่วมกันรับผิดค่าเสียหายทั้งหมด

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 4-5 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 6,800.50 บาท การชำระหนี้ตามนี้ใช้เป็นประโยชน์แก่จำเลยทุกคนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 292 นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 5 ฎีกาว่า ไม่ควรรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 4 หากจะต้องรับผิดร่วมก็ขอให้แยกความรับผิดของจำเลยที่ 4 เฉพาะเท่าที่จำเลยที่ 4 กระทำ คือตัดฟันต้นทุเรียน 2 ต้น 564 บาท

ศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหาเรื่องต้องรับผิดร่วมกับบุตรผู้เยาว์หรือไม่ เป็นอันถึงที่สุดแล้ว เพราะจำเลยที่ 5 มิได้อุทธรณ์ในปัญหานี้ทั้งยังแก้อุทธรณ์ยอมรับว่าศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 5 รับผิดร่วมกับจำเลยที่ 4ในจำนวนเงิน 564 บาทชอบแล้วอีกด้วยคงมีปัญหาว่าจำเลยที่ 5 จะขอให้แยกความรับผิดของจำเลยที่ 4 ได้หรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 432 วรรคแรกบัญญัติไว้ชัดแจ้งแล้วว่าถ้าบุคคลหลายคนก่อให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นโดยร่วมกันทำละเมิด ท่านว่าบุคคลเหล่านั้นจะต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น จำเลยที่ 5 จะขอให้แยกกันรับผิดไม่ได้ ส่วนวรรคท้ายของมาตรานี้ที่ว่า”ในระหว่างบุคคลทั้งหลายซึ่งต้องรับผิดร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น ท่านว่าต่างต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่โดยพฤติการณ์ศาลจะวินิจฉัยเป็นประการอื่น” นั้น เป็นบทบัญญัติสำหรับแยกความรับผิดระหว่างผู้ละเมิดด้วยกัน มิใช่รับผิดต่อเจ้าหนี้ ซึ่งมีวรรคหนึ่งบัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้วว่า ต้องร่วมกันรับผิดใช้ คำว่า ร่วมกันใช้มีความหมายว่า แต่ละคนจำต้องชำระหนี้สิ้นเชิง แต่เจ้าหนี้จะเรียกชำระหนี้จากลูกหนี้คนใดทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้ ถึงกระนั้นลูกหนี้ทั้งหมดก็ยังคงต้องผูกพันอยู่ทั่วทุกคนจนกว่าหนี้นั้นจะได้ชำระสิ้นเชิง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 291 จึงไม่มีทางแยกความรับผิดต่อเจ้าหนี้เป็นส่วนของตนได้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่ใช่ร่วมกันใช้ดังที่วรรคต้นบังคับไว้

ข้อที่จำเลยฎีกาว่า อาจแบ่งแยกรู้ได้ว่าจำเลยคนใดทำเสียหายมากน้อยเท่าใด ซึ่งมิใช่กระทำร่วมกัน ควรให้จำเลยที่ 4 รับผิดเพียงเท่าที่ทำละเมิดนั้น ข้อนี้จำเลยที่ 5 รับข้อเท็จจริงแล้วว่าจำเลยที่ 1-4 ร่วมกันกระทำความผิด การทำให้ทรัพย์เขาเสียหายโดยผิดกฎหมายเป็นละเมิด เมื่อร่วมกันกระทำก็เป็นการร่วมกันทำละเมิดและต้องร่วมกันรับผิด กฎหมายมุ่งหมายถึงการกระทำ มิใช่ดูผลของความเสียหายว่าแยกกันได้หรือไม่ได้ มิฉะนั้นแล้วคนที่ร่วมกระทำผิดด้วยกัน แต่ทำหน้าที่เป็นคนเฝ้าต้นทางไม่ได้ฟันต้นทุเรียนเลย หรือผู้ที่ช่วยเหลือยุยงส่งเสริมไม่ได้ฟันต้นทุเรียนเช่นกัน ก็จะไม่ต้องใช้ค่าเสียหายเลย จะเห็นได้ว่าขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 432 อย่างชัดแจ้ง ซึ่งมาตรานี้ยังบัญญัติไว้ว่า แม้จะไม่รู้ตัวว่าคนไหนก่อให้เกิดเสียหาย ถ้าเป็นพวกที่ทำละเมิดร่วมกันแล้วก็ต้องรับผิดร่วมกันทั้งหมด

พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยกฎีกาจำเลยที่ 5

Share