คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2183/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้คำฟ้องโจทก์กล่าวบรรยายว่าพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรขุนตาลได้สอบสวนแล้ว และได้ความจากทางนำสืบของโจทก์ว่า พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการเป็นผู้สอบสวนก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวมิใช่ข้อเท็จจริงและการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิด เป็นเพียงการกล่าวบรรยายฟ้องเพื่อให้ทราบว่าพนักงานอัยการฟ้องคดีโดยมีการสอบสวนแล้ว ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 120

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ ระหว่างวันที่ 3 ตุลาคม 2548 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2549 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลบ้านต้า อนุมัติให้จัดจ้างพวกของจำเลยกำจัดขยะในเขตเทศบาลตำบลบ้านต้า ด้วยการทำสัญญาจ้างเหมานายไสว เป็นผู้รับจ้างกำจัดขยะตกลงค่าจ้างเหมาเป็นเงิน 120,000 บาท จ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือน เดือนละ 10,000 บาท ซึ่งความจริงแล้วนายไสวเป็นพวกของจำเลย ไม่มีที่ดินสำหรับใช้เป็นที่ทิ้งขยะ และไม่มีเครื่องจักรกล อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ในการกำจัดขยะ ทั้งไม่ได้เป็นผู้เก็บขยะและฝังกลบ แต่จำเลยใช้พนักงานของเทศบาลเป็นผู้เก็บขยะและฝังกลบในที่ดินของนายออน บิดาจำเลย แล้วเบิกจ่ายเงินค่าจ้างเหมากำจัดขยะดังกล่าวมาเป็นประโยชน์ของจำเลยกับพวก อันเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เทศบาลตำบลบ้านต้าหรือผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และระหว่างที่ 1 ตุลาคม 2549 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2550 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลบ้านต้า อนุมัติให้จัดจ้างกำจัดขยะในเขตเทศบาลตำบลบ้านต้า ด้วยการทำสัญญาจ้างเหมา นายไสวเป็นผู้รับจ้างกำจัดขยะ ตกลงค่าจ้างเหมาเป็นเงิน 120,000 บาท จ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือน เดือนละ 10,000 บาท ซึ่งความจริงแล้วนายไสวเป็นพวกของจำเลย ไม่มีที่ดินสำหรับใช้เป็นที่ทิ้งขยะ และไม่มีเครื่องจักรกล อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ในการกำจัดขยะ ทั้งไม่ได้เป็นผู้เก็บขยะฝังกลบ แต่จำเลยใช้พนักงานของเทศบาลเป็นผู้เก็บขยะและฝังกลบในที่ดินของนายออน แล้วเบิกจ่ายเงินค่าจ้างเหมากำจัดขยะดังกล่าวมาเป็นประโยชน์ของจำเลยกับพวก อันเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เทศบาลตำบลบ้านต้าหรือผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เหตุเกิดที่ตำบลต้า อำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 157 และนับโทษของจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2061/2554 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 6 ปี นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2061/2554 ของศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลบ้านต้า อำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่ปี 2547 ถึงปี 2550 ทำหน้าที่ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รับผิดชอบการบริหารราชการในกิจการของเทศบาลตำบลบ้านต้าให้เป็นไปตามระเบียบ ข้อบังคับ เทศบัญญัติ มีอำนาจหน้าที่สั่งอนุญาตและอนุมัติเกี่ยวกับราชการของเทศบาลตำบลบ้านต้า เป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างเทศบาล และเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารของหน่วยงานการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ระหว่างวันที่ 3 ตุลาคม 2548 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2549 และระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2549 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2550 จำเลยมีคำสั่งอนุมัติให้จัดจ้างนายไสว เป็นผู้รับจ้างกำจัดขยะในเขตเทศบาลตำบลบ้านต้า ประจำปีงบประมาณ 2549 และ 2550 ตามลำดับ โดยวิธีพิเศษตามใบเสนอราคาที่นายไสวได้ยื่นเสนอไว้ก่อนแล้วเพียงรายเดียว ตกลงค่าจ้างเหมาปีละ 120,000 บาท ชำระค่าจ้างเดือนละ 10,000 บาท และเทศบาลตำบลบ้านต้าได้ตั้งฎีกาเบิกเงินค่าจ้างชำระแก่นายไสวตามข้อตกลงจนครบถ้วน ต่อมานายณรงค์ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลบ้านต้าตำแหน่งประธานสภาเทศบาลตำบลกับพวกซึ่งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลบ้านต้า ตรวจสอบพบว่านายไสวประกอบอาชีพเป็นช่างตัดผม ไม่มีเครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ในการกำจัดขยะ ไม่มีที่ดินเป็นของตน ไม่มีศักยภาพในการเป็นผู้รับจ้างกำจัดขยะ และลายมือชื่อนายไสวผู้รับเงินค่าจ้างในฎีกามีข้อพิรุธ และยังพบว่าจำเลยสั่งให้พนักงานของเทศบาลตำบลบ้านต้าทำการเก็บขยะไปทิ้ง นำรถของเทศบาลไปขุดตักบ่อขยะและฝังกลบในที่ดินเนื้อที่ 2 ไร่ ของนายออน บิดาของจำเลย โดยนายไสวไม่ให้ดำเนินการใด ๆ แล้วจำเลยมอบหมายให้พนักงานเทศบาลตำบลบ้านต้าไปรับเช็คค่ากำจัดขยะของนายไสว นำไปเบิกเงินจากธนาคารแล้วมอบให้จำเลย นายณรงค์กับพวกจึงร้องเรียนกล่าวโทษจำเลยต่อนายอำเภอขุนตาล จากนั้นจึงกล่าวโทษจำเลยต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแล้วส่งสำนวนให้พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการสอบสวนดำเนินคดีจำเลยเป็นคดีนี้
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น เห็นว่า แม้คำฟ้องโจทก์กล่าวบรรยายว่าพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรขุนตาลได้สอบสวนแล้ว และได้ความจากทางนำสืบของโจทก์ว่า พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการเป็นผู้สอบสวนก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวมิใช่ข้อเท็จจริงและการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิด เป็นเพียงการกล่าวบรรยายฟ้องเพื่อให้ทราบว่าพนักงานอัยการฟ้องคดีโดยมีการสอบสวนแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาอาญา มาตรา 120 ข้อต่อสู้ของจำเลยไม่เป็นสาระแก่คดี ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยในข้อนี้
พิพากษายืน

Share