คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12384/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ลูกหนี้ร่วมตามคำพิพากษาซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้ชั้นต้นร่วมกับจำเลยในคดีนี้ ชำระหนี้บางส่วนให้แก่เจ้าหนี้และเจ้าหนี้มีหนังสือปลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ร่วมตามคำพิพากษารายนั้นแล้วก็ตาม หนังสือดังกล่าวเป็นเพียงการแสดงเจตนาของเจ้าหนี้ว่าไม่ประสงค์ที่จะเรียกให้ลูกหนี้ร่วมตามคำพิพากษารายนั้นชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่เจ้าหนี้จนสิ้นเชิง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 291 เท่านั้น ไม่มีผลทำให้จำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมตามคำพิพากษาหลุดพ้นจากความรับผิดในหนี้ส่วนที่เหลือภายหลังหักชำระหนี้แต่อย่างใดเพราะหนี้ตามคำพิพากษายังมิได้ชำระโดยสิ้นเชิง จำเลยจึงต้องรับผิดชำระหนี้ส่วนที่เหลือแก่เจ้าหนี้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาด เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2551
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ 6316/2547 ของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เป็นเงิน 34,969,529.20 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ในฐานะเจ้าหนี้ไม่มีประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94 ต่อมาเจ้าหนี้ขอแก้ไขจำนวนเงินที่ขอรับชำระหนี้เป็น 13,851,790.57 บาท
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 104 แล้ว ลูกหนี้โต้แย้งว่า ยอดหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้ไม่ถูกต้อง เจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กำหนดในคำพิพากษา นายสุเมธ จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมตามคำพิพากษาได้ตกลงชำระหนี้บางส่วนและขอให้เจ้าหนี้ปลดหนี้ส่วนที่เหลือ มีผลให้หนี้ส่วนของลูกหนี้ระงับสิ้นไป ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ ขอให้ยกคำขอรับชำระหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วทำความเห็นว่า ตามคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ 6316/2547 ของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ลูกหนี้เป็นจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันร่วมกับจำเลยที่ 3 ถึงที่ 6 ในหนี้เงินกู้ของจำเลยที่ 1 ที่มีต่อโจทก์หรือเจ้าหนี้ในคดีนี้อย่างลูกหนี้ร่วม ต่อมานายสุเมธ จำเลยที่ 5 ในคดีดังกล่าวชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ 16,508,206.94 บาท เจ้าหนี้ออกหนังสือลงวันที่ 25 เมษายน 2549 เรื่องปลดภาระค้ำประกันให้แก่นายสุเมธระบุในตอนท้ายว่า “ธนาคารตกลงให้ท่านชำระเงินต้นจำนวน 13,734,848.92 บาท และดอกเบี้ยค้างชำระ 2,773,358.02 บาท รวมเป็นเงิน 16,508,206.94 บาท ซึ่งท่านได้ชำระเงินดังกล่าวให้ธนาคารแล้ว ธนาคารจึงปลดภาระหนี้ของท่านที่มีอยู่ตามคำพิพากษาให้เฉพาะกับท่านโดยไม่ติดใจเรียกร้องจากท่านอีกต่อไป จึงออกหนังสือฉบับนี้ให้ไว้เป็นหลักฐาน” เจ้าหนี้ให้การรับว่าได้ปลดหนี้ให้เฉพาะนายสุเมธ ย่อมมีผลให้หนี้ส่วนที่เหลือสำหรับนายสุเมธระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 340 เจ้าหนี้ไม่ได้แสดงหลักฐานใดให้เห็นว่ามีผู้ค้ำประกันร่วมรายอื่น ๆ รวมทั้งลูกหนี้ยินยอมให้เจ้าหนี้ปลดหนี้เฉพาะนายสุเมธย่อมมีผลให้หนี้สำหรับลูกหนี้ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันร่วมและมีความรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมระงับไปด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 682 วรรคสอง มาตรา 229 มาตรา 293 และมาตรา 296 เห็นควรให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เสียทั้งสิ้น
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของเจ้าหนี้ว่า ลูกหนี้ต้องรับผิดตามคำขอรับชำระหนี้หรือไม่ เห็นว่า ที่เจ้าหนี้มีหนังสือแจ้งแก่นายสุเมธว่า เมื่อท่านได้ชำระเงินจำนวน 16,504,206.94 บาท แก่เจ้าหนี้แล้ว เจ้าหนี้จึงปลดภาระหนี้ของท่านที่มีอยู่ตามคำพิพากษาให้เฉพาะกับท่านโดยไม่ติดใจเรียกร้องจากท่านอีกต่อไปนั้น หนังสือดังกล่าวเป็นเพียงการแสดงเจตนาของเจ้าหนี้ว่าไม่ประสงค์ที่จะเรียกให้นายสุเมธในฐานะลูกหนี้ร่วมชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่เจ้าหนี้โดยสิ้นเชิง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 291 เท่านั้น ส่วนลูกหนี้และจำเลยร่วมอื่นตามคำพิพากษาที่มีความรับผิดต่อเจ้าหนี้ในฐานะผู้ค้ำประกันของห้างหุ้นส่วนจำกัด วัฒนาเอ็นยิเนียริ่ง ยังคงต้องรับผิดอยู่ตามจำนวนที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด วัฒนาเอ็นยิเนียริ่งเป็นหนี้ภายในจำนวนที่ลูกหนี้ค้ำประกันไว้ แม้เจ้าหนี้จะยอมรับชำระหนี้จากนายสุเมธเป็นเงิน 16,504,206.94 บาท และปลดหนี้ให้แก่นายสุเมธก็ไม่มีผลทำให้ลูกหนี้ซึ่งเป็นจำเลยร่วมตามคำพิพากษากับนายสุเมธหลุดพ้นจากความรับผิดชำระหนี้ส่วนที่เหลือแต่อย่างใดเพราะหนี้ยังมิได้ชำระโดยสิ้นเชิง ดังนั้น เมื่อภาระหนี้ที่ลูกหนี้และจำเลยร่วมอื่นที่ต้องรับผิดตามคำพิพากษายังคงมีอยู่อีกหลังหักเงินที่นายสุเมธชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้แล้ว เป็นเงิน 13,851,790.57 บาท ลูกหนี้จึงต้องรับผิดชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่เจ้าหนี้ ที่ศาลล้มละลายกลางยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของเจ้าหนี้นี้ฟังขึ้น
พิพากษากลับ อนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เป็นเงิน 13,851,790.57 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 130 (7) โดยมีเงื่อนไขว่าหากเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากห้างหุ้นส่วนจำกัด วัฒนาเอ็นยิเนียริ่ง นายจีรกิตติ นายสุวิต และนายวัฒนา จำเลยร่วมอื่นในคดีหมายเลขแดงที่ 6316/2547 ไปแล้ว เพียงใดก็ให้สิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ลดลงเพียงนั้น ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share