คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4303/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อทนายจำเลยทราบนัดและคำสั่งศาลชั้นต้นโดยชอบแล้วไม่มาศาล ต้องถือว่าจำเลยทราบวันนัดและคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยนำค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ทั้งสองมาชำระเพิ่มเติมโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ถึงแม้ว่าจำเลยซึ่งเป็นตัวความจะไม่ทราบวันนัดก็ตาม เพราะตาม ป.วิ.พ. มาตรา 62 บัญญัติว่า ทนายความซึ่งคู่ความได้ตั้งแต่งนั้นมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆ แทนคู่ความได้ตามที่เห็นสมควร การที่ทนายจำเลยทราบวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 และคำสั่งให้นำค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ทั้งสองมาชำระให้ครบถ้วนโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วไม่แจ้งให้จำเลยทราบ จำเลยจะยกเหตุดังกล่าวมาเป็นข้ออ้างต่อศาลหาได้ไม่ เพราะจำเลยมีทนายความกระทำการแทนตนอยู่แล้ว การที่จำเลยไม่นำค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ทั้งสองมาชำระต่อศาลชั้นต้นให้ครบถ้วนก่อนวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 แม้ต่อมาจำเลยได้ยื่นคำร้องขอชำระค่าธรรมเนียมดังกล่าว และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตในคำร้องของจำเลยนั้น ก็มิใช่เป็นการสั่งอนุญาตก่อนสิ้นระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ในหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 และไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัยที่ศาลชั้นต้นจะสั่งขยายระยะเวลาดังกล่าวอีกได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 เมื่อจำเลยเพิ่งวางเงินดังกล่าวเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งล่วงเลยกำหนดระยะเวลาการวางเงินตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ในครั้งแรกดังกล่าวแล้ว จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยยื่นอุทธรณ์โดยได้วางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลชั้นต้นพร้อมอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 หรือภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นอนุญาตขยายให้โดยชอบ การยื่นอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาเท่านั้น มิได้ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีโดยให้ยกฟ้องของโจทก์แต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยจึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเพียง 200 บาท แต่จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกามาอย่างคดีมีทุนทรัพย์เป็นเงิน 21,830 บาท จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาในส่วนที่เสียเกินมาแก่จำเลย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยกับบริวาร และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินตามหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เลขที่ นศ. 0243 ตำบลไทยบุรี อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความ 15,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ระหว่างพิจารณาของอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำสั่งว่า ให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียมใช้แทนโจทก์ทั้งสองเพิ่มอีก 21,630 บาท แต่จำเลยไม่ชำระเงินจำนวนดังกล่าว ศาลชั้นต้นจึงรวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลอุทธรณ์ภาค 8
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ภาค 8
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การอุทธรณ์ของจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2556 จำเลยยื่นอุทธรณ์วันที่ 23 พฤษภาคม 2556 ภายในกำหนดเวลาที่ศาลอนุญาต ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย ระหว่างการพิจารณา ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำสั่งให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียมใช้แทนโจทก์ทั้งสองเพิ่มอีก 21,630 บาท เสร็จแล้วจึงให้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไปได้ แต่ถ้าหากจำเลยไม่ชำระเงินจำนวนดังกล่าวภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนพร้อมคำพิพากษาคืนศาลอุทธรณ์ภาค 8 เพื่อดำเนินการต่อไป ศาลชั้นต้นส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้จำเลยและทนายจำเลย โดยมีคำสั่งไปในหมายด้วยว่า ให้นำเงินมาชำระค่าธรรมเนียมศาลเพิ่มจำนวน 21,630 บาท ก่อนวันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ปรากฏว่าส่งหมายให้จำเลยไม่ได้ เนื่องจากย้ายไม่ทราบที่อยู่ใหม่ ตามรายงานเจ้าหน้าที่ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2556 แต่สามารถส่งหมายให้ทนายจำเลยได้ โดยรับหมายด้วยตนเองเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2556 ตามรายงานเจ้าหน้าที่ลงวันที่ 22 มกราคม 2557 และผลการนำจ่ายสิ่งของของที่ทำการไปรษณีย์ศรีราชา RH470904817TH โดยระบุชื่อทนายจำเลยเป็นผู้ลงชื่อรับ เมื่อถึงวันนัด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลส่งหมายแจ้งวันนัดและแจ้งให้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมศาลมาชำระเพิ่มเติมจำนวน 21,630 บาท ก่อนวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 แต่จำเลยไม่ได้นำเงินมาชำระแต่อย่างใด จึงให้ส่งสำนวนพร้อมคำพิพากษาคืนศาลอุทธรณ์ภาค 8 เพื่อดำเนินการต่อไป ต่อมาวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 ทนายจำเลยยื่นคำร้องว่า หมายนัดให้จำเลยนำเงินมาจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาลเพิ่มเติมนั้น ทั้งทนายจำเลยและจำเลยมิได้รับหมายแต่อย่างใด จำเลยมีความประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป และขออนุญาตจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาลเพิ่มเติมตามคำสั่งต่อไป ขอศาลได้โปรดอนุญาต ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าอนุญาต เมื่อจำเลยจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมเพิ่มเติมแล้ว ให้ส่งคำร้องไปศาลอุทธรณ์ภาค 8 และในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียม 21,630 บาท ที่ต้องชำระเพิ่มเติมตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 มาชำระต่อศาลชั้นต้น เห็นว่า ปรากฏตามผลการนำจ่ายสิ่งของของที่ทำการไปรษณีย์ศรีราชา หมายเลข RH470904817TH ได้ระบุชื่อทนายจำเลยเป็นผู้ลงชื่อรับหมายนัด ที่ทนายจำเลยอ้างในคำร้องว่าทนายจำเลยมิได้รับหมายนัดจึงฟังไม่ขึ้น เมื่อทนายจำเลยทราบนัดและคำสั่งศาลชั้นต้นโดยชอบแล้ว ไม่มาศาล ต้องถือว่าจำเลยทราบวันนัดและคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยนำค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ทั้งสองมาชำระเพิ่มเติมโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ถึงแม้ว่าจำเลยซึ่งเป็นตัวความจะไม่ทราบวันนัดก็ตาม เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 62 บัญญัติว่า ทนายความซึ่งคู่ความได้ตั้งแต่งนั้นมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆ แทนคู่ความได้ตามที่เห็นสมควร การที่ทนายจำเลยทราบวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 และคำสั่งให้นำค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ทั้งสองมาชำระให้ครบถ้วนโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วไม่แจ้งให้จำเลยทราบ จำเลยจะยกเหตุดังกล่าวมาเป็นข้ออ้างต่อศาลหาได้ไม่ เพราะจำเลยมีทนายความกระทำการแทนตนอยู่แล้ว การที่จำเลยไม่นำค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ทั้งสองมาชำระต่อศาลชั้นต้นให้ครบถ้วนก่อนวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 แม้ต่อมาจำเลยได้ยื่นคำร้องลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 ขอชำระค่าธรรมเนียมดังกล่าว และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตในคำร้องของจำเลยนั้นก็มิใช่เป็นการสั่งอนุญาตก่อนสิ้นระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ในหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 และไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัยที่ศาลชั้นต้นจะสั่งขยายระยะเวลาดังกล่าวอีกได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 เมื่อจำเลยเพิ่งวางเงินดังกล่าวเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งล่วงเลยกำหนดระยะเวลาการวางเงินตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ในครั้งแรกดังกล่าวแล้ว จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยยื่นอุทธรณ์โดยได้วางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลชั้นต้นพร้อมอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 หรือภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตขยายให้โดยชอบ การยื่นอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ภาค 8 โดยมิได้สั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง และจำเลยฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาเท่านั้น มิได้ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีโดยให้ยกฟ้องของโจทก์แต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยจึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเพียง 200 บาท แต่จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกามาอย่างคดีมีทุนทรัพย์เป็นเงิน 21,830 บาท จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาในส่วนที่เสียเกินมาแก่จำเลย
พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดและค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาส่วนที่เกิน 200 บาท แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share