แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ผู้รับตราส่งฟ้องจำเลยผู้ขนส่งให้รับผิด เนื่องจากจำเลยมีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ. 2534และสัญญารับขนของทางทะเลที่จะต้องนำสินค้าที่รับขนไปส่งมอบให้แก่โจทก์และรับเวนคืนใบตราส่ง แต่จำเลยไม่ได้ส่งมอบสินค้าให้โจทก์ กลับส่งมอบให้ผู้ซื้อโดยไม่ได้รับเวนคืนใบตราส่ง อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญารับขนของทางทะเล แม้ตามคำฟ้องโจทก์จะกล่าวอ้างมูลละเมิดมาด้วย แต่เมื่อจำเลยผิดสัญญารับขนของทางทะเลและโจทก์สามารถใช้สิทธิเรียกร้องเอาค่าเสียหายอันเกิดจากมูลผิดสัญญาได้ จึงไม่อาจนำอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 มาใช้บังคับ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2540 และวันที่ 16มิถุนายน 2540 บริษัทยงสวัสดิ์ค้าไม้ จำกัด ได้ขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตกับโจทก์ เพื่อสั่งสินค้าไม้แปรรูปจากผู้ขายในประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์และประเทศมาเลเซีย โดยโจทก์เป็นผู้รับตราส่งโจทก์เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตให้ 2 ฉบับตามคำขอ และผู้ขายได้ส่งสินค้ามาทางเรือและส่งใบตราส่งกับเอกสารอื่น ๆ ให้แก่โจทก์ โจทก์ได้จ่ายสินค้าให้แก่ผู้ขายไป 83,195.45 ดอลลาร์สหรัฐ และ 1,630,566.45 ริงกิต ต่อมาเมื่อเดือนธันวาคม 2540 โจทก์ตรวจสอบพบว่ามีการส่งสินค้าถึงท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือมาบตาพุด เมื่อวันที่11 เมษายน 2540 และวันที่ 23 กรกฎาคม 2540 โดยมีจำเลยเป็นผู้ขนส่ง จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งมอบสินค้าให้แก่โจทก์หรือให้แก่บุคคลที่ได้รับอนุญาตจากโจทก์โดยมีการเวนคืนใบตราส่งแต่จำเลยได้กระทำการอันมิชอบด้วยกฎหมายด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่อด้วยการส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2540 และวันที่ 24 กรกฎาคม 2540 โดยมิได้มีการเวนคืนใบตราส่งและมิได้รับความยินยอมหรืออนุญาตจากโจทก์อันเป็นการละเมิดและผิดสัญญารับขนของต่อโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายมิได้รับชำระหนี้ค่าสินค้าจากบริษัทยงสวัสดิ์ค้าไม้ จำกัด และไม่สามารถรับหรือโอนขายสินค้าให้แก่บุคคลอื่นจำเลยต้องรับผิดชอบชดใช้ต้นเงินที่โจทก์จ่ายไปพร้อมดอกเบี้ยโจทก์ขอคิดอัตราแลกเปลี่ยนก่อนวันฟ้องในอัตรา 37.5193 บาท ต่อ1 ดอลลาร์สหรัฐ และอัตรา 9.9673 บาท ต่อ 1 ริงกิต พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันทำละเมิดวันที่ 18 เมษายน2540 และวันที่ 24 กรกฎาคม 2540 จนถึงวันฟ้องเป็นดอกเบี้ย449,614.93 บาท และ 2,017,071.85 บาท รวมเป็นเงินต้น19,373,780.03 บาท และดอกเบี้ย 2,466,686.78 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 21,840,466.81 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี จากเงินต้น 19,373,780.03 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ผู้ซื้อขนถ่ายสินค้าออกจากระวางเรือของจำเลยเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2540 และวันที่ 24 กรกฎาคม 2540โจทก์จึงต้องฟ้องคดีภายในวันที่ 17 เมษายน 2541 และวันที่ 23กรกฎาคม 2541 แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2541ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 21,840,466.81 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้น 19,373,780.03 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2540และวันที่ 16 มิถุนายน 2540 บริษัทยงสวัสดิ์ค้าไม้ จำกัด ซึ่งเป็นลูกค้าของโจทก์ได้ขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตกับโจทก์ที่สำนักงานใหญ่เพื่อสั่งซื้อสินค้าไม้แปรรูปจากผู้ขายในประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์และประเทศมาเลเซียโดยมีข้อตกลงว่าเมื่อผู้ขายได้จัดส่งสินค้าลงเรือแล้วให้ผู้ขายเรียกเก็บเงินค่าสินค้าจากสาขาหรือธนาคารตัวแทนของโจทก์ได้ ผู้ขายและผู้ซื้อตกลงมอบสินค้าทั้งหมด ใบตราส่ง กรมธรรม์ประกันภัยและเอกสารต่าง ๆ ให้แก่โจทก์หรือบุคคลที่โจทก์อนุญาตหากผู้ซื้อไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์มีสิทธินำสินค้าออกจำหน่ายนำเงินมาชำระหนี้ตามเลตเตอร์ออฟเครดิตได้ โจทก์เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต2 ฉบับ ตามคำขอของผู้ซื้อ เมื่อผู้ขายส่งสินค้าพร้อมเอกสารการส่งสินค้าพร้อมเอกสารการขนส่งให้โจทก์ โจทก์ได้ชำระค่าสินค้าให้ผู้ขายจำนวน 83,195.45 ดอลลาร์สหรัฐไปเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2540 และ1,630,566.45 ริงกิต ไปเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2540 จำเลยเป็นผู้ขนส่งตามใบตราส่งและโจทก์เป็นผู้รับตราส่ง เรือสินค้ามาถึงท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือมาบตาพุดเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2540 และวันที่ 23กรกฎาคม 2540 ต่อมาเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2540 และวันที่ 24 กรกฎาคม 2540 มีการขนถ่ายสินค้าจากเรือและจำเลยไม่ได้ส่งมอบสินค้าให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับตราส่ง แต่ได้ส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อโดยไม่ได้มีการเวนคืนใบตราส่งและมิได้รับความยินยอมหรืออนุญาตจากโจทก์ ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีเดียวกันนี้ต่อศาลแพ่งธนบุรีเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2541 แต่ศาลแพ่งธนบุรีมีคำสั่งไม่รับฟ้องและจำหน่ายคดีเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในเขตอำนาจศาลเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2542 โจทก์จึงมาฟ้องเป็นคดีนี้ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2542
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยเพียงข้อเดียวว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิด จึงมีอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ทำละเมิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 คดีนี้ถือว่าโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้กระทำละเมิดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2540 และวันที่ 15 สิงหาคม 2540 อันเป็นวันที่คำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตแต่ละฉบับสิ้นอายุ โจทก์ฟ้องคดีนี้ที่ศาลแพ่งธนบุรี เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2541 เกินกำหนด 1 ปีจึงขาดอายุความ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ในฐานะผู้รับตราส่งฟ้องจำเลยในฐานะผู้ขนส่งให้รับผิด เนื่องจากจำเลยซึ่งมีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ. 2534 และตามสัญญารับขนของทางทะเลที่จะต้องนำสินค้าที่ตนเองรับขนไปส่งมอบให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับตราส่งและรับเวนคืนใบตราส่ง แต่จำเลยไม่ได้ส่งมอบสินค้าให้แก่โจทก์ กลับส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อโดยไม่ได้รับเวนคืนใบตราส่ง อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญารับขนของทางทะเลแม้ตามคำฟ้องโจทก์จะกล่าวอ้างมูลละเมิดมาด้วยแต่เมื่อฟังได้แล้วว่าจำเลยผิดสัญญารับขนของทางทะเลและโจทก์สามารถใช้สิทธิเรียกร้องเอาค่าเสียหายอันเกิดจากมูลผิดสัญญาได้กรณีจึงไม่อาจนำอายุความ 1 ปี ในเรื่องการเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากมูลละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตา 448 มาใช้บังคับ ดังที่จำเลยอุทธรณ์ได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความในมูลละเมิดหรือไม่นั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน