แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อจำเลยที่ 1 ถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและพิพากษาให้ล้มละลายภายหลังจากที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 ตามคำขอให้บังคับคดีของโจทก์ในคดีนี้ และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งจำเลยที่ 1 จำนองไว้แก่ผู้ร้องก่อนโจทก์ผู้นำยึดแล้ว การที่โจทก์เจ้าหนี้สามัญผู้นำยึดมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายมีผลเพียงทำให้โจทก์หมดสิทธิได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้ในคดีล้มละลายเท่านั้น มิได้ทำให้การบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ที่ดำเนินการมาโดยชอบสิ้นผลไป และการที่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้มีประกันมิได้ใช้สิทธิขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ในคดีล้มละลาย แต่เลือกใช้สิทธิที่จะบังคับแก่หลักประกัน ซึ่งตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 110 วรรคสาม คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ไม่กระทบถึงสิทธิของเจ้าหนี้มีประกันในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีอำนาจบังคับคดีแก่หลักประกันของผู้ร้องต่อไปในคดีนี้ได้ แม้ต่อมาภายหลังศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งปลดจำเลยที่ 1 จากล้มละลาย ก็มิได้ทำให้อำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการบังคับคดีหมดไปไม่ ส่วนเมื่อได้มีการบังคับคดีแก่ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอันเป็นหลักประกันแล้วจะมีเงินเหลือเป็นประโยชน์แก่กองทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ในคดีล้มละลาย เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่จำเลยที่ 1 มีอยู่ก่อนปลดจากการล้มละลาย ก็เป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบที่จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีโอนเข้ามาในคดีล้มละลายได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 112 กรณีจึงไม่มีเหตุให้เพิกถอนการบังคับคดี
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนให้โจทก์ในสภาพที่ใช้การได้ดี ถ้าไม่ส่งมอบคืนให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ราคาแทนเป็นเงิน 388,530 บาท ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์รวมกับภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมดอกเบี้ยนับถัดจากวันฟ้อง และค่าเสียหายรายเดือนนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์หรือใช้ราคาแทน กับค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2540 จำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์ขอให้บังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 152098 ตำบลสายไหม (ออเงินใหญ่) อำเภอบางเขน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ของจำเลยที่ 1 ซึ่งติดจำนองอยู่แก่ผู้ร้อง เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนอง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตเมื่อ วันที่ 1 ธันวาคม 2542
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553 จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 ถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ 3878/2547 และพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย โจทก์มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ จึงไม่มีอำนาจบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 ขอให้เพิกถอนการบังคับคดี โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจขอให้เพิกถอนการบังคับคดี อำนาจในการจัดกิจการและทรัพย์สินตลอดจนต่อสู้คดีใด ๆ ของจำเลยที่ 1 ตกอยู่กับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำร้องของผู้ร้องและจำเลยที่ 1 ในวันเดียวกันว่า ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองแล้ว คดีไม่จำต้องไต่สวนคำร้องของผู้ร้อง และคดีไม่มีเหตุให้เพิกถอนการบังคับคดี ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับและยกคำร้องของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ทั้งสองคำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นศาลอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า มีเหตุให้เพิกถอนการบังคับคดีแก่ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้หรือไม่ และผู้ร้องมีสิทธิร้องขอให้บังคับคดีแก่ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวต่อไปได้หรือไม่ เห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงได้ความตามเอกสารท้ายคำร้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดีของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 ถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ 3878/2547 เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2547 และพิพากษาให้ล้มละลายเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2548 แต่เมื่อเป็นเวลาภายหลังจากเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 ตามคำขอให้บังคับคดีของโจทก์ในคดีนี้ และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งจำเลยที่ 1 จำนองไว้แก่ผู้ร้องก่อนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ผู้นำยึดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2542 แล้ว การที่โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้สามัญผู้นำยึดมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายที่จำเลยที่ 1 ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ก็ย่อมมีผลเพียงทำให้โจทก์หมดสิทธิได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้ในคดีล้มละลายเท่านั้น มิได้ทำให้การบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ที่ดำเนินการมาโดยชอบสิ้นผลไป การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้มีประกันและไม่ว่าผู้ร้องจะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือไม่ มิได้ใช้สิทธิขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 96 ประกอบมาตรา 91 แต่เลือกใช้สิทธิที่จะบังคับแก่หลักประกันโดยไม่ขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 95 แสดงว่าผู้ร้องประสงค์ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีเอาแก่ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอันเป็นหลักประกันต่อไปในคดีแพ่ง ซึ่งตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 110 วรรคสาม ก็บัญญัติให้คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ไม่กระทบถึงสิทธิของเจ้าหนี้มีประกันในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันต่อไป เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีอำนาจที่จะดำเนินการบังคับคดีแก่หลักประกันของผู้ร้องต่อไปในคดีนี้ได้ แม้ต่อมาภายหลังศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งปลดจำเลยที่ 1 จากล้มละลาย ก็มิได้ทำให้อำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการบังคับคดีหมดไปไม่ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีอำนาจที่จะบังคับคดีต่อไปได้ ส่วนเมื่อได้มีการบังคับคดีแก่ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอันเป็นหลักประกันของจำเลยที่ 1 แล้วจะมีเงินเหลือเป็นประโยชน์แก่กองทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ในคดีล้มละลาย เนื่องจากที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอันเป็นหลักประกันดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่จำเลยที่ 1 มีอยู่ก่อนปลดจากการล้มละลายดังที่จำเลยที่ 1 อ้าง ก็เป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบที่จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีโอนเข้ามาในคดีล้มละลายได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 112 ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่า ผู้ร้องมีสิทธิบังคับคดีในฐานะเจ้าหนี้จำนองพร้อมดอกเบี้ยที่ค้างชำระเป็นเวลา 5 ปี และหมดสิทธิในมูลหนี้ตามคำพิพากษานั้น เมื่อจำเลยที่ 1 เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นนี้ ทั้งจำเลยที่ 1 สามารถยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นบังคับคดีแก่ทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันแล้ว ประกอบกับในชั้นนี้มีประเด็นเพียงว่า มีเหตุให้เพิกถอนการบังคับคดีแก่ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้หรือไม่ และผู้ร้องมีสิทธิร้องขอให้บังคับคดีแก่ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างต่อไปหรือไม่ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดีของจำเลยที่ 1 โดยมิได้มีคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม และศาลอุทธรณ์มิได้มีคำสั่งเสียให้ถูกต้องด้วย ศาลฎีกาเห็นสมควรมีคำสั่งเสียให้ถูกต้อง
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมคดีตามคำร้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดีของจำเลยที่ 1 ในศาลชั้นต้นและค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ