แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่โจทก์เป็นเจ้าหน้าที่ธุรการประจำแผนกซ่อมและดูแลได้รับคำสั่งให้ไปช่วยงานในกองบริการชุมชน ต่อมาจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์กลับไปทำงานในแผนกเดิม แต่โจทก์ไม่กลับไปทำงานตามคำสั่งอ้างว่าต้องรอมอบหมายงานตามระเบียบของการเคหะแห่งชาติก่อน ดังนี้เมื่อจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างกำหนดให้มีการมอบงานแล้ว การส่งมอบงานนั้นมิใช่เป็นสิทธิของโจทก์ แต่เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่ต้องกระทำเมื่อไม่กระทำตามคำสั่งจึงเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับหรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้าง จำเลยมีสิทธิลงโทษโจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่าจำเลยได้มีคำสั่งกองบริการชุมชนที่ข.2/2529 ลงโทษลดขั้นเงินเดือนโจทก์ 1 ขั้น โดยกล่าวหาว่าโจทก์กระทำผิดวินัยตามข้อบังคับการเคหะแห่งชาติ ฉบับที่ 4 ข้อ 25, 26และ 27 ฐานไม่รักษาวินัย ฝ่าฝืนคำสั่ง แสดงความกระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชาและไม่ตั้งใจปฏิบัติงาน ซึ่งคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของจำเลย ขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยดังกล่าว ให้จำเลยจ่ายเงินเดือนโจทก์ที่ถูกลดไป1 ขั้น เสมือนไม่เคยถูกลงโทษมาก่อน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2529เป็นต้นไป และให้ขึ้นขั้นเงินเดือนระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2528ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2529 แก่โจทก์ 1 ขั้น กับให้จำเลยจ่ายเงินโบนัสส่วนที่จำเลยหักไว้คืนแก่โจทก์ด้วย
จำเลยให้การว่า ระหว่างที่โจทก์มาช่วยปฏิบัติงานธุรการของกองบริการชุมชน โจทก์ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาดบกพร่อง ก่อให้เกิดความเสียหาย หัวหน้ากองบริการชุมชนจึงได้มีคำสั่งให้โจทก์กลับไปปฏิบัติหน้าที่ในแผนกซ่อมและดูแลตามเดิม โจทก์ทราบคำสั่งแล้วไม่ยอมกลับไปปฏิบัติหน้าที่ในแผนกเดิม เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งและกระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชา คำสั่งลงโทษโจทก์เป็นคำสั่งที่ถูกต้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลาง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าระเบียบการเคหะแห่งชาติ ฉบับที่ 4/2525 ว่าด้วย การส่งมอบและรับมอบงานในหน้าที่ นั้น จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างได้ระบุวัตถุประสงค์ของการออกระเบียบดังกล่าวไว้ว่า เพื่อให้การส่งมอบงานในหน้าที่ระหว่างผู้ปฏิบัติงานที่รับผิดชอบซึ่งพ้นหน้าที่ไปกับผู้ปฏิบัติงานผู้มารับผิดชอบใหม่ได้เป็นไปด้วยความเป็นระเบียบและอยู่ในระบบเดียวกันทุกฝ่าย ดังนั้นการส่งมอบงานจึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานที่ต้องกระทำเมื่อจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างกำหนดให้มีการส่งมอบงานหาใช่เป็นสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานดังที่โจทก์อุทธรณ์ไม่ เมื่อการส่งมอบงานมิใช่สิทธิของโจทก์โจทก์จึงไม่มีเหตุผลหรือข้ออ้างใดที่จะยังคงทำงานอยู่ในกองบริการชุมชนต่อไป การที่โจทก์ไม่กลับไปทำงานในแผนกซ่อมและดูแลตามเดิมภายในวันที่ 4 เมษายน 2529 ตามคำสั่งของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับหรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงมีสิทธิลงโทษโจทก์ตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยได้ ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผลอุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น”