แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลว่าจำเลยเป็นคนๆ เดียวกับจำเลยในคดีอีกคดีหนึ่ง และขอให้นับโทษจำเลยต่อ ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งสำเนาให้จำเลยไม่ปรากฏว่ามีการสอบถามจำเลยว่าจะเป็นความจริงตามคำร้องของโจทก์หรือไม่ ที่จำเลยให้การเป็นพยานไว้ จำเลยก็ให้การว่าในคดีที่โจทก์ฟ้องเพิ่มเติมนี้ จำเลยไม่ทราบเรื่องแสดงว่าจำเลยปฏิเสธคำร้องของโจทก์ โจทก์มิได้สืบให้ปรากฏตามคำร้องขอของโจทก์ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษา และโจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์แล้ว โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์อีกว่าศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยในคดีนั้นแล้ว ถ้าหากศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยคดีนี้ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีนั้นด้วย จำเลยรับสำเนาคำร้องของโจทก์แล้ว ก็มิได้แถลงในเรื่องนี้ว่าอย่างไร คดีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับตามคำร้องของโจทก์ในข้อนี้ จึงนับโทษจำเลยต่อจากคดีที่โจทก์ขอไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕(๑)(๓)(๔)(๘), ๓๕๗
จำเลยให้การปฏิเสธ
สืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องว่าจำเลยนี้เป็นคนเดียวกับจำเลยที่ ๒ ในคดีหมายเลขดำที่ ๓๒๑๖/๒๕๐๙ ของศาลอาญา ซึ่งถูกฟ้องฐานลักทรัพย์รับของโจร โจทก์จึงขอให้ศาลสั่งนับโทษจำเลยติดต่อกับโทษในคดีดำที่ ๓๒๑๖/๒๕๐๙
ศาลชั้นต้นเห็นว่า เกี่ยวกับข้อหาลักทรัพย์ โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าเป็นผู้ใดส่วนข้อหาฐานรับของโจร โจทก์นำสืบไม่ได้กระจ่างชัดว่าจำเลยรู้ว่าหัวจักรได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษฐานรับของโจร
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยมีพิรุธ น่าเชื่อว่าจำเลยรับหัวจักรนั้นไว้โดยรู้ว่าเป็นของที่ได้มาจากการกระทำผิดจำเลยมีความผิดฐานรับของโจร ส่วนข้อที่โจทก์ให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๓๒๑๖/๒๕๐๙ นั้น ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ให้การรับว่าจำเลยเป็นคน ๆ เดียวกับจำเลยในคดีนั้น ทั้งโจทก์มิได้นำสืบประการใดจนศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว โจทก์จึงร้องต่อศาลอุทธรณ์ว่าคดีนั้นศาลพิพากษาลงโทษจำเลยไม่ได้ความว่าความจริงเป็นดังที่โจทก์ว่าหรือไม่ นับโทษจำเลยต่อให้ไม่ได้ พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๓๕๗ จำคุกจำเลย ๑ ปี ๖ เดือน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นรับฎีกาในข้อที่ขอให้นับโทษต่อ
จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยรับหัวจักรของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์จริง จึงมีความผิดฐานรับของโจร ที่โจทก์ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยต่อนั้นได้ความว่าเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลว่าจำเลยเป็นคน ๆ เดียวกับจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ ๓๒๑๖/๒๕๐๙ และขอให้นับโทษจำเลยต่อ ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งสำเนาให้จำเลย ไม่ปรากฏว่ามีการสอบถามจำเลยว่า จะเป็นความจริงตามคำร้องของโจทก์หรือไม่ ที่จำเลยให้การเป็นพยานไว้นั้น จำเลยคงให้การว่าในคดีที่โจทก์ฟ้องเพิ่มเติมนี้ จำเลยไม่ทราบเรื่อง แสดงว่าจำเลยปฏิเสธคำร้องของโจทก์ โจทก์ก็มิได้นำสืบให้ปรากฏตามคำร้องขอของโจทก์เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษา และโจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์แล้ว โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์อีกว่า ศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ ๓๒๑๖/๒๕๐๙ แล้ว ปรากฏตามคดีหมายเลขแดงที่ ๗๙๒/๒๕๑๐ ถ้าหากศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยคดีนี้แล้วให้นับโทษจำเลยต่อกับคดีหมายเลขแดงที่ ๗๙๒/๒๕๑๐ จำเลยรับสำเนาคำร้องของโจทก์แล้วก็มิได้แถลงในเรื่องนี้ว่าอย่างไร คดีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับตามคำร้องของโจทก์ในข้อนี้ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษต่อให้นั้น ชอบแล้ว
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์และจำเลย