คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2041/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำว่า “สามีภรรยา” ตาม กฎหมายอาญา มาตรา 54 กฎหมายมิได้บัญญัติไว้ว่าพฤติการณ์เช่นไร กฎหมายอาญายอมรับนับถือว่าเป็นสามีภรรยากัน ฉะนั้นโดยปกติต้องอาศัย ป.พ.พ.ที่ใช้อยู่ในขณะทำผิดเป็นหลักกล่าวคือต้องได้มีการจดทะเบียนสมรสแล้ว
ชายหญิงที่ได้เสียกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสแล้วภายหลังฝ่ายหนึ่งเอาทรัพย์ของอีกฝ่ายหนึ่งไป ดังนี้ต้องอาศัยเจตนาเป็นหลักว่ามีเถยจิตลักทรัพย์หรือไม่
เมื่อจำเลยไม่ใช่สามีตาม มาตรา 54 และในเรื่องเจตนานี้ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงในคดีนี้ว่าจำเลยเจตนาลักทรัพย์แล้ว ฎีกาของจำเลยในเรื่องว่าไม่มีความผิดตาม มาตรา 54 ในข้อนี้จึงเป็นฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

ย่อยาว

คดีนี้ศาลชั้นต้นฟังตามคำฟ้องโจทก์และคำรับสารภาพของจำเลยประกอบกับคำแถลงของโจทก์ได้ความว่า จำเลยกับนางป้านผู้เสียหายอยู่กินเป็นสามีภรรยากันโดยมิได้จดทะเบียนสมรส จำเลยลักเครื่องรางรวม 4 ชิ้นราคา 500 บาทของนางป้านผู้เสียหายไป ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำคุกจำเลย 1 เดือนลดตามมาตรา 59 กึ่งหนึ่งจำคุก 15 วัน จำเลยต้องขังมาพอแก่โทษแล้วให้ปล่อยตัวไป

จำเลยอุทธรณ์คัดค้านข้อกฎหมายว่าจำเลยไม่ผิด

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 54

ศาลฎีกาเห็นว่าปัญหามีว่าจำเลยเป็นสามีนางป้านตามกฎหมายอาญามาตรา 54 หรือไม่ เห็นว่ากฎหมายอาญามิได้บัญญัติไว้ว่า พฤติการณ์เช่นไรกฎหมายอาญายอมรับนับถือว่าเป็นสามีภรรยากัน ฉะนั้นโดยปกติต้องอาศัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ใช้อยู่ในขณะเกิดการกระทำผิดเป็นหลักกล่าวคือได้มีการจดทะเบียนสมรสแล้ว

อย่างไรก็ดีอาจมีหญิงชายได้เสียกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสแล้วภายหลังฝ่ายหนึ่งเอาทรัพย์ของอีกฝ่ายหนึ่งไปซึ่งต้องอาศัยเจตนาเป็นหลักว่ามีเจตนาลักทรัพย์หรือไม่ เรื่องนี้ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นเป็นเจตนาลักทรัพย์ ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย

Share