คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5539/2537

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาและคำขอบังคับของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนโดยมีมูลหนี้สืบเนื่องมากจาก ช. ผู้เอาประกันภัยได้นำรถยนต์ที่จำเลยรับประกันภัยไว้ไปจอดในบริเวณโรงแรมของจำเลยซึ่งจำเลยในฐานะเจ้าสำนักโรงแรมต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใด ๆอันเกิดแต่ทรัพย์สิน ซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัยหากได้พามาซึ่งเกี่ยวกับอายุความเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ในกรณีดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 678 มีอายุความ 6 เดือนนับแต่คนเดินทางหรือแขกอาศัยออกไปจากสถานที่นั้น เมื่อเหตุรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยสูญหายเกิดขึ้นในวันที่ 12 มีนาคม 2527หลังเกิดเหตุ ช. ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนแล้วเดินทางกลับกรุงเทพมหานครในวันเดียวกัน โจทก์รับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัยตามมาตรา 880 มาและยื่นฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความสูญหายของรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยจากจำเลย เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2527เกินกำหนดเวลาหกเดือน คดีโจทก์จึงขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2526 โจทก์ได้รับประกันภัยรถยนต์ไว้จากนางชวนพิศ ชินสมบูรณ์ ในวงเงิน 80,000 บาท ต่อมาในระหว่างอายุสัญญาประกันภัย วันที่ 11 มีนาคม 2527 เวลาประมาณ20 นาฬิกา นางชวนพิศได้นำรถยนต์คันดังกล่าวเข้าไปฝากไว้กับจำเลยที่ลานจอดรถ และได้เข้าพักในโรงแรมจำเลย ต่อมาวันรุ่งขึ้นจึงทราบว่า รถคันที่โจทก์รับประกันภัยไว้สูญหายไป โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้กับนางชวนพิศเป็นเงินจำนวน 80,000 บาท ไปแล้วเต็มตามสัญญา โจทก์จึงรับช่วงสิทธิโดยผลของกฎหมายจำเลยซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการโรงแรมต้องรับผิดในความสูญหายของทรัพย์สินซึ่งแขกผู้อาศัยได้พามาและจอดไว้ในบริเวณโรงแรมของจำเลยจึงต้องชดใช้ราคาทรัพย์ให้แก่โจทก์เป็นเงิน 80,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์มิได้ฟ้องภายในหกเดือนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 678 จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาคพิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 80,000 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จจำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์มีวัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจรับประกันภัยทุกประเภท เมื่อวันที่9 ธันวาคม 2526 โจทก์ได้รับประกันภัยรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียนม-0730 ปราจีนบุรี ไว้จากนางชวนพิศ ชินสมบูรณ์ ผู้เอาประกันภัยมีกำหนดเวลา 1 ปี โดยห้างหุ้นส่วนจำกัดโตโยต้าปราจีนบุรีเป็นผู้รับผลประโยชน์ตามเอกสารหมาย จ.3 ต่อมาวันที่ 11 มีนาคม2527 เวลาประมาณ 20 นาฬิกา ซึ่งอยู่ในอายุสัญญาประกันภัยนางชวนพิศกับพวก 1 คน ได้เข้าพักที่โรงแรมบูรพาของจำเลยและนำรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไปจอดไว้ที่ลานจอดรถภายในบริเวณโรงแรม โดยล็อกกุญแจห้ามล้อคลัตซ์ พวงมาลัยรถไว้ รุ่งขึ้นวันที่12 เดือนเดียวกันเวลาประมาณ 8.30 นาฬิกา นางชวนพิศกับพวกตื่นขึ้นมาดูรถ ปรากฏว่ารถได้สูญหายไป นางชวนพิศแจ้งต่อนางสาวทัศนีย์ จันทร์พรม พนักงานของจำเลยและไปแจ้งความต่อร้อยตำรวจตรีเชาวลิต แสวงพืชน์ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ต่อมาวันที่ 20 ตุลาคม 2527 โจทก์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดโตโยต้าปราจีนบุรีผู้รับผลประโยชน์แทนผู้เอาประกันภัยตามเงื่อนไขสัญญาประกันภัยเป็นเงินจำนวน 80,000 บาท ตามเอกสารหมาย จ.6
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์โดยอ้างเหตุหลายประการ และอ้างว่าคดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 678 นั้น เห็นสมควรวินิจฉัยฎีกาของจำเลยในปัญหาอายุความเสียก่อน ตามสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาและคำขอบังคับของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนโดยมีมูลหนี้สืบเนื่องมาจากนางชวนพิศผู้เอาประกันภัยได้นำรถยนต์ที่จำเลยรับประกันภัยไว้ไปจอดในบริเวณโรงแรมของจำเลย ซึ่งจำเลยในฐานะเจ้าสำนักโรงแรมจะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัยหากได้พามา ซึ่งเกี่ยวกับอายุความเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ในกรณีดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 678 บัญญัติว่า “ในข้อความรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายนั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลาหกเดือน นับแต่วันที่คนเดินทางหรือแขกอาศัยออกไปจากสถานที่นั้น”ข้อเท็จจริงปรากฎตามที่โจทก์นำสืบว่า เหตุรถยนต์รับประกันภัยสูญหายเกิดขึ้นในวันที่ 12 มีนาคม 2527 หลังเกิดเหตุนางชวนพิศไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนแล้วเดินทางกลับกรุงเทพมหานครในวันเดียวกัน โจทก์รับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 มาและยื่นฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความสูญหายของรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยจากจำเลยตามฟ้องเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2527 เกินกำหนดเวลาหกเดือน คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 678 ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share