แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้คัดค้านเป็นลูกจ้างของผู้ร้องตำแหน่งซ่อมงาน แผนกบรรจุหีบห่อ และเป็นกรรมการลูกจ้าง ผู้คัดค้านไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ร้องที่ให้ขนย้ายวัสดุอุปกรณ์และตรวจคุณภาพของผ้า แม้งานที่ผู้ร้องสั่งให้ทำไม่ใช่งานในหน้าที่ของผู้คัดค้านโดยตรง แต่เป็นงานที่ผู้ร้องซึ่งเป็นนายจ้างอาจมอบหมายให้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นลูกจ้างทำได้เป็นการพิเศษ การที่ผู้คัดค้านไม่ปฏิบัติตามคำสั่งจึงเป็นการกระทำผิดวินัยตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน แต่ผู้ร้องไม่ได้กำหนดให้การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดวินัยร้ายแรง
โทษทางวินัยของผู้ร้องมี 4 ขั้น คือภาคทัณฑ์ พักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ปลดออก และเลิกสัญญาจ้าง เมื่อความผิดทางวินัยของผู้คัดค้านไม่ถึงกับเป็นความผิดร้ายแรง จึงยังไม่มีเหตุผลสมควรที่จะอนุญาตให้เลิกจ้างผู้คัดค้านอันเป็นโทษขั้นสูงสุด แต่เห็นสมควรให้ผู้ร้องลงโทษภาคทัณฑ์ผู้คัดค้าน
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขออนุญาตเลิกจ้างผู้คัดค้านโดยไม่จ่ายค่าชดเชยนับแต่วันยื่นคำร้อง
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่าคำสั่งลงโทษโดยมีหนังสือตักเตือนและหักค่าจ้างเบี้ยขยันเป็นคำสั่งไม่ชอบจึงได้ฟ้องผู้ร้องต่อศาลแรงงานกลาง ต่อมาศาลแรงงานกลางได้ไกล่เกลี่ยจนคดียุติแล้ว การที่ผู้ร้องนำกรณีเดิมมาร้องขอเลิกจ้างผู้คัดค้านจึงไม่ชอบ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่า ผู้ร้องมีคำสั่งให้ผู้คัดค้าน และพนักงานชายในแผนกบรรจุหีบห่อขนย้ายวัสดุอุปกรณ์โดยวันที่ 19 กันยายน 2548 ขนย้ายที่อาคารห้าชั้น วันที่ 22 กันยายน 2548 ขนย้ายสิ่งของจากแผนกไปเก็บที่ชั้นลอย และให้ไปตรวจสอบคุณภาพของผ้า ณ แผนกพัสดุ การที่ผู้คัดค้านไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง โดยอ้างว่าป่วยและไม่ใช่หน้าที่ของตน หากผู้คัดค้านป่วยก็มีสิทธิลาป่วยได้ แต่ผู้คัดค้านยังคงทำงานย่อมแสดงว่าผู้คัดค้านทำงานได้ การที่ผู้คัดค้านอ้างว่าทำงานไม่ได้ ทำไม่ไหวและไม่ใช่หน้าที่ย่อมแสดงว่าผู้คัดค้านเกี่ยงเลือกงานไม่นำพาต่อคำสั่ง ทั้งการที่ได้รับคำสั่งให้ขนของแต่กลับมาทำงานซ่อมที่แผนกบรรจุหีบห่อ จึงเป็นการทำงานตามอำเภอใจตนเอง ย่อมทำให้ระบบการทำงาน ระบบการปกครองของผู้ร้องเสียหายได้ มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านกรรมการลูกจ้างได้ ส่วนคำขออื่นให้ยก
ผู้คัดค้านอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ตามข้อเท็จจริงที่ยุติในชั้นพิจารณาของศาลแรงงานกลางปรากฏว่าผู้คัดค้านไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้ร้องที่ให้ช่วยขนย้ายวัสดุอุปกรณ์และตรวจคุณภาพของผ้า ซึ่งแม้การทำงานดังกล่าวจะไม่ใช่งานในหน้าที่โดยตรงของผู้คัดค้าน แต่ก็ถือได้ว่าเป็นงานที่นายจ้างอาจมอบหมายให้ลูกจ้างทำได้เป็นการพิเศษ การที่ผู้คัดค้านไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ร้องจึงเป็นการกระทำผิดวินัยตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน หมวดที่ 9 วินัยและโทษทางวินัย ข้อ 19 แต่การกระทำผิดวินัยดังกล่าวผู้ร้องก็มิได้กำหนดให้เป็นความผิดร้ายแรง โทษทางวินัยของผู้ร้องได้ระบุไว้ 4 ขั้น คือภาคทัณฑ์พักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ปลดออก และเลิกสัญญาจ้าง การที่ผู้ร้องขอลงโทษผู้คัดค้านโดยขอเลิกจ้างหรือเลิกสัญญาจ้างอันเป็นโทษขั้นสูงสุดโดยที่ความผิดวินัยของผู้คัดค้านยังไม่ถึงกับเป็นความผิดร้ายแรงถึงขั้นเลิกสัญญาจ้างนั้น จึงยังไม่มีเหตุผลสมควรที่จะอนุญาตได้ ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านได้นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา แต่เห็นสมควรให้ผู้ร้องจัดทำหนังสือระบุถึงความผิดและการลงโทษโดยภาคทัณฑ์ในความผิดที่เกิดขึ้น โดยมีเงื่อนไขระยะเวลาภาคทัณฑ์ไว้ 1 ปี ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของผู้ร้องต่อไป
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ผู้ร้องลงโทษภาคทัณฑ์ผู้คัดค้านตามนัยข้างต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งศาลแรงงานกลาง