คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 771/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่พนักงานตำรวจจดรายงานเบ็ดเสร็จประจำวันไว้ว่า”โจทก์ได้มาแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จับกุมจำเลยหาว่าบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ คดีเรื่องนี้ผู้แจ้งจะฟ้องร้องด้วยตนเอง จึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน” นั้น เห็นได้ว่า โจทก์ได้กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดและแจ้งเพื่อจะให้จำเลยได้รับโทษ โดยโจทก์จะฟ้องร้องเอาความผิดแก่จำเลยเสียเอง จึงเป็นคำร้องทุกข์ตามกฎหมายแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 359, 362, 363, 83 ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 2,125 บาท ค่าเสาหลักเขต 60 บาท ค่ารั้ว 120 บาท

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยใช้เรือยนต์แล่นผ่านเข้าไปในที่ดินนาของโจทก์ เพราะขณะนั้นเป็นฤดูน้ำท่วมพื้นที่ดินบริเวณนั้น โดยไม่เชื่อฟังคำห้าม มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362แต่ปรากฏว่าโจทก์ไม่ได้ร้องทุกข์โดยเจตนาเพื่อมอบคดีต่อเจ้าพนักงานขอให้ดำเนินคดีแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(7) เท่ากับไม่มีการร้องทุกข์ เมื่อโจทก์ฟ้องเกิน 3 เดือน คดีโจทก์ขาดอายุความ ส่วนข้อหาทำให้เสียทรัพย์ก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ความผิดฐานบุกรุกนั้น โจทก์ได้ร้องทุกข์แล้ว คดีไม่ขาดอายุความ แต่การแล่นเรือของจำเลยมิได้ทำให้ต้นข้าวในนาของโจทก์เสียหาย ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยทำผิด พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 ปรับ 100 บาท

จำเลยฎีกาข้อกฎหมายว่า การร้องทุกข์ของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายควรยกฟ้องฐานบุกรุก

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ปรากฏตามรายงานเบ็ดเสร็จประจำวันของสถานีตำรวจภูธรอำเภอบรรพตพิสัยว่า เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนพ.ศ. 2505 โจทก์ได้มาแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จับกุมจำเลยหาว่าบุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ คดีเรื่องนี้ผู้แจ้งจะฟ้องร้องด้วยตนเอง จึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(7) บัญญัติว่า”คำร้องทุกข์” หมายถึง การที่ผู้เสียหายได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ว่าผู้กระทำความผิดขึ้นให้เกิดความเสียหาย และการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษ การที่โจทก์ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ดังกล่าวแล้ว แม้ไม่ปรากฏว่าโจทก์มอบคดีให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีแก่จำเลยด้วย และเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้สอบสวนประการใดก็ตาม คำร้องทุกข์นั้นก็เป็นคำกล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดและการแจ้งนั้นก็โดยโจทก์เจตนาจะให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษซึ่งจะเห็นได้ว่าโจทก์แสดงความจำนงไว้ว่าคดีนี้โจทก์จะฟ้องร้องเอาผิดแก่จำเลยเสียเอง ซึ่งต่อมาโจทก์ก็ได้นำคดีขึ้นสู่ศาลแล้วดังนี้ จึงไม่ใช่โจทก์ร้องทุกข์ไว้เฉย ๆ โดยไม่มีเจตนาจะไม่ให้จำเลยได้รับโทษ โจทก์หาจำต้องแจ้งความว่าขอให้ดำเนินคดีแก่จำเลยด้วยดังฎีกาของจำเลยไม่เพราะที่ผู้เสียหายแจ้งความว่า ขอแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน โดยจะฟ้องคดีเองนั้น ก็เท่ากับแสดงให้ทราบว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่ไม่ต้องดำเนินการแก่คดีนั้นอย่างใด ผู้เสียหายจะว่ากล่าวเอาผิดแก่จำเลยด้วยตนเอง ฉะนั้นคำร้องทุกข์ของโจทก์คดีนี้ย่อมเป็นการแสดงเจตนาที่จะว่ากล่าวเอาผิดแก่จำเลยชอบด้วยกฎหมายแล้วตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 263/2504 เมื่อโจทก์ได้ร้องทุกข์ความผิดฐานบุกรุกของจำเลยไว้ต่อเจ้าหน้าที่ภายใน 3 เดือนดังกล่าวแล้วแม้โจทก์จะฟ้องคดีนี้เกินกว่า 3 เดือน คดีก็ไม่ขาดอายุความฟ้องร้องฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share