คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา295 จำคุก 8 เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้เกิดอันตรายสาหัสตามมาตรา 297 จำคุก 2 ปี ดังนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ข้อหาพยายามฆ่าโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 มิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงฐานพยายามฆ่า.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80
จำเลยให้การว่า ได้ใช้มีดพร้าฟันผู้เสียหายจริง แต่มิได้มีเจตนาฆ่า
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา295 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับว่าได้ฟันผู้เสียหายจริง เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 8 เดือน ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ให้จำคุก 3 ปีลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาว่าตามทางนำสืบของโจทก์ฟังได้ว่า จำเลยใช้มีดพร้าฟันทำร้ายผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา78 คงจำคุกจำเลย 8 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้เกิดอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 2 ปี ดังนี้ จึงมีผลยกฟ้องโจทก์ในข้อเท็จจริงว่าจำเลยพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 โจทก์ไม่มีสิทธิฎีกาในข้อเท็จจริงว่าจำเลยพยายามฆ่าอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาโจทก์ไว้มิชอบ’
พิพากษายกฎีกาโจทก์.

Share