คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6915/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อาวุธปืนคาร์ไบน์และเครื่องกระสุนปืนคาร์ไบน์ที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีและค้าดังกล่าวเป็นจำนวนเดียวกันและเป็นการกระทำผิดต่อเนื่องในคราวเดียวกัน เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฐานค้าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว หาใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 วินิจฉัยมาไม่ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 55, 72, 72 ทวิ, 78 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91, 371 ริบอาวุธปืนคาร์ไบน์ กระสุนปืนคาร์ไบน์ที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์ และโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในข้อหาพาอาวุธปืนที่จำเลยที่ 2 ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร
ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 3 ถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 3 ออกจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 55, 72 ทวิ วรรคสอง, 78 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้กับฐานค้าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานค้าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 20 ปี ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควรเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 72 ทวิ วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 ปี การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 72 ทวิ วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ปรับ 5,000 บาท คำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 และคำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้จำเลยที่ 1 หนึ่งในสาม และลดโทษให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 16 ปี ลงโทษจำเลยที่ 2 ปรับ 2,500 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบอาวุธปืนคาร์ไบน์ กระสุนปืนคาร์ไบน์ที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์และโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4 และข้อหาอื่นในส่วนจำเลยที่ 2
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 55, 72 ทวิ วรรคสอง, 78 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ประกอบมาตรา 83 การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปรวม 3 กระทง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ จำคุก 4 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 ปี และฐานร่วมกันค้าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ จำคุก 20 ปี รวมจำคุก 28 ปี คำให้การในชั้นสอบสวนและทางนำสืบของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 21 ปี สำหรับความผิดของจำเลยที่ 2 ฐานพาอาวุธปืนที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร ซึ่งลงโทษบทหนักตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ อีกกระทงหนึ่ง ให้จำคุก 6 เดือน ไม่ลงโทษปรับ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 3 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 2 ทั้งสิ้น 21 ปี 3 เดือน ส่วนโทษของจำเลยที่ 1 และนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงตามที่คู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งรับฟังเป็นยุติว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ได้พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนคาร์ไบน์ 1 กระบอก ซองกระสุนปืน 2 ซอง กระสุนปืนคาร์ไบน์ 57 นัด และโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1 เครื่อง ที่บริเวณหน้าร้านอาหารถนนเพชรเกษม สายนาทวี – คลองแงะ ตำบลนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา และจับกุมจำเลยที่ 2 ได้พร้อมอาวุธปืนพกรีวอลเวอร์ ขนาด .38 ของจำเลยที่ 2 ที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ พร้อมกระสุนปืน 5 นัด ที่ร้านข้าวต้มหนึ่งบาท ตำบลนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา พนักงานสอบสวนส่งอาวุธปืนคาร์ไบน์และกระสุนปืนคาร์ไบน์ของกลางไปตรวจพิสูจน์ ผลปรากฏว่าเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ตามรายงานการตรวจพิสูจน์
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 หรือไม่ สำหรับคดีของจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานพาอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควรนั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิด และยังคงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง และที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้อยู่ด้วยในขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ได้พร้อมอาวุธปืนคาร์ไบน์ของกลาง เห็นว่า ในการติดต่อซื้อขายอาวุธปืน ดาบตำรวจมานิตย์ได้มีการพูดคุยซื้อขายอาวุธปืนกับจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้เสนอขายอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืนให้แก่ดาบตำรวจมานิตย์ด้วยตนเอง และในวันนัดส่งมอบอาวุธปืน จำเลยที่ 2 เป็นผู้ขับรถไปกับจำเลยที่ 1 และอยู่ด้วยในขณะที่จำเลยที่ 1 บอกดาบตำรวจมานิตย์ว่า ให้รอประมาณ 10 นาที แล้วจะนำอาวุธปืนมาส่งให้ หลังจากนั้นจำเลยที่ 2 ขับรถไปรออยู่ที่ร้านข้าวต้มห่างออกไปเพียง 500 เมตร ดังนั้น หากจำเลยที่ 2 ไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย จำเลยที่ 1 ก็น่าจะกระทำการอย่างลับ ๆ เพื่อปกปิดมิให้ผู้อื่นล่วงรู้ได้ พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการเจรจาซื้อขายอาวุธปืน จนกระทั่งนัดหมายส่งมอบและยึดได้อาวุธปืนคาร์ไบน์พร้อมเครื่องกระสุนปืนของกลาง ถือว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมในการกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 มาตั้งแต่ต้น พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงให้รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันกระทำความผิดฐานมีและค้าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ และจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานพาอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร ข้อนำสืบปฏิเสธของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย แต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้กับฐานค้าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้เป็นสองกรรมนั้น เห็นว่า อาวุธปืนคาร์ไบน์และเครื่องกระสุนปืนคาร์ไบน์ที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีและค้าดังกล่าวเป็นจำนวนเดียวกันและเป็นการกระทำผิดต่อเนื่องในคราวเดียวกัน จึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฐานค้าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว หาใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 วินิจฉัยมาไม่ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้กับฐานค้าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานค้าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 78 วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 สำหรับจำเลยที่ 2 ให้จำคุก 20 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 15 ปี และเมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 แล้ว เป็นจำคุกจำเลยที่ 2 ทั้งสิ้น 18 ปี 3 เดือน ส่วนจำเลยที่ 1 ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9

Share