คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1399/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ขับรถชนรถของ ป. เสียหายจึงทำข้อตกลงค่าเสียหายในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีมีความว่า ป. เรียกร้องให้ จำเลยที่ 1 นำรถของ ป. ไปซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดี จำเลยที่ 1 ตกลงตามที่ ป. เรียกร้อง คู่กรณีตกลงกันได้ ไม่ประสงค์จะฟ้องร้องกัน ในทางแพ่งและทางอาญาต่อกันอีกต่อไป ข้อตกลงดังกล่าวนี้เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ มีผลให้มูลหนี้ละเมิดที่จำเลย ที่ 1 ทำระงับสิ้นไป ดังนั้น จำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยรถของจำเลยที่ 2 จึงพลอยหลุดพ้น ความรับผิดไปด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ของ ป. จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ ได้ขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ ซึ่งจำเลยที่ ๓ เป็นผู้รับประกันภัยในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ โดยประมาทชนรถยนต์ของ ป. เสียหาย โจทก์ได้ซ่อมรถยนต์ของ ป. แล้วคิดเป็นเงิน ๙,๐๐๐ บาท จึงรับช่วงสิทธิมาฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน ๙,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ให้การว่า มูลหนี้ละเมิดคดีนี้ระงับแล้วเพราะ ป.ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ ๑ โดยตกลงกันว่าไม่ประสงค์ที่จะฟ้องร้องในทางแพ่งและทางอาญาต่อกัน ป. จึงชอบที่จะฟ้องร้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ร่วมกันชำระเงินจำนวน ๙,๐๐๐บาทและดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่าข้อตกลงค่าเสียหายระหว่างนายปรีชาผู้เอาประกันภัยของโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๒ เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่ ปรากฏข้อตกลงค่าเสียหายตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีว่า (๑) นายปรีชาเรียกร้องให้นายทอง (จำเลยที่ ๑) นำรถยนต์ น.ฐ.๒๓๖๙๙ (ที่ถูกเป็น ๒๖๓๙๙) ไปซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพเหมือนเดิม (๒) นายทองยินดีตกลงตามที่นายปรีชาเรียกร้องในข้อ ๑ ทุกประการ คู่กรณีตกลงกันได้ไม่ประสงค์จะฟ้องร้องกันในทางแพ่งและทางอาญาต่อกันอีกต่อไป เห็นว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นสัญญาซึ่งนายปรีชาผู้เสียหายและจำเลยที่ ๑ ผู้ทำละเมิดให้นายปรีชาเสียหายระงับข้อพิพาทที่นายปรีชาจะเรียกค่าเสียหายในการซ่อมรถหมายเลขทะเบียน น.ฐ.๒๖๓๙๙ และค่าเสียหายอื่นอันเกิดจากการกระทำละเมิดซึ่งมีอยู่ในขณะนั้นจากจำเลยที่ ๑ ให้เสร็จไปด้วยผ่อนผันให้แก่กัน โดยนายปรีชาให้จำเลยที่ ๑ นำรถคันดังกล่าวไปซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพเดิมแทนการเรียกค่าเสียหายในการซ่อมเป็นตัวเงิน และจำเลยที่ ๑ ตกลงซ่อมแซมให้ ข้อตกลงค่าเสียหายจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๕๐ อันเป็นผลทำให้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของผู้เอาประกันภัยของโจทก์จากจำเลยที่ ๑ ในมูลละเมิดเป็นอันระงับสิ้นไปตามมาตรา ๘๕๒ เมื่อมูลหนี้ละเมิดระงับไปแล้ว ย่อมทำให้ความรับผิดของจำเลยที่ ๒ นายจ้างจำเลยที่ ๑ ที่จะร่วมรับผิดระงับด้วย และเมื่อจำเลยที่ ๒ ผู้เอาประกันภัยรถคันที่จำเลยที่ ๑ ขับชนรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไม่ต้องรับผิด จำเลยที่ ๓ ผู้รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ ซึ่งจะต้องรับผิดแทนก็พลอยหลุดพ้นความรับผิด จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ จึงไม่ต้องชดใช้ค่าซ่อมรถยนต์ที่โจทก์จ่ายให้แก่ผู้เอาประกันภัย
พิพากษายืน

Share