แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยนำบัตรเอ ที เอ็ม ของผู้เสียหายไปใช้เบิกถอนเงินสดและโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยเพราะจำเลยมีจุดประสงค์ที่จะได้เงินจากบัญชีเงินฝากของผู้เสียหาย จำเลยใช้บัตรเอ ที เอ็ม ในเวลาที่ต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาต่อเนื่องกันและจุดมุ่งหมายอันเดียวกันเพื่อให้ได้รับเงินของผู้เสียหาย หาได้มีเจตนาหลายเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกรรมกันแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้การกระทำของจำเลยแต่ละครั้งจะเป็นความผิดสำเร็จก็ไม่ทำให้เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 336, 269/5, 269/7 ให้จำเลยคืนหรือใช้ทรัพย์รวม 7 รายการ เป็นเงิน 260,150 บาท แก่ผู้เสียหาย และ บวกโทษจำคุกจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาดังกล่าวเข้ากับโทษในคดีนี้นายนิคม ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 260,150 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษกับให้การในคดีส่วนแพ่งว่า จำเลยไม่ได้กระทำความผิด จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 วรรคหนึ่ง, 269/5, 269/7 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานวิ่งราวทรัพย์ จำคุก 4 ปี ฐานใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน โดยนำไปใช้เบิกถอนเงินสด จำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 11 กระทง เป็นจำคุก 37 ปี คำให้การของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 27 ปี 9 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุก 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (2) ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายเป็นเงิน 260,150 บาท คำขออื่นให้ยก ให้ยกคำขอส่วนแพ่งของผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุก 3 ปี ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 241,000 บาท แก่ผู้เสียหาย ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยนำบัตรเอ ที เอ็ม ของผู้เสียหายไปใช้เบิกถอนเงินสดและโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลย เพราะจำเลยมีจุดประสงค์ที่จะได้เงินจากบัญชีเงินฝากของผู้เสียหาย ทั้งได้ความจากคำเบิกความตอบคำถามค้านของนางรัชนี พยานโจทก์ว่า จำเลยใช้บัตรเอ ที เอ็ม ในเวลาที่ต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาต่อเนื่องกันและจุดมุ่งหมาย อันเดียวกันเพื่อให้ได้ไปซึ่งเงินของผู้เสียหาย หาได้มีเจตนาหลายเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกรรมกันแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้การกระทำของจำเลยแต่ละครั้งจะเป็นความผิดสำเร็จ ก็ไม่ทำให้เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันดังที่โจทก์ฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน