คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 776/2553

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำว่า “ทายาท” ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 77 หมายถึง ทายาทที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น มิได้หมายความรวมถึงทายาทตามความเป็นจริงด้วย เมื่อโจทก์เป็นบิดาตามความเป็นจริง แต่มิใช่เป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ประกันตน และมิใช่เป็นทายาทที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ประกันตน จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 77 จัตวา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์อยู่กินฉันสามีภริยาอย่างเปิดเผยกับนางประกอบ มีบุตรคืนนางสาวทัศนีย์ซึ่งโจทก์เป็นผู้แจ้งหรือรู้เห็นยินยอมในการแจ้งการเกิดของนางสาวทัศนีย์ โจทก์อุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่นางสาวทัศนีย์ยอมให้นางสาวทัศนีย์ใช้ชื่อสกุลของโจทก์ นางประกอบถึงแก่ความตายไปแล้ว นางสาวทัศนีย์เป็นลูกจ้างของบริษัทซาฟารีเวิลด์ (มหาชน) จำกัด ระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2534 ถึงวันที่ 29 สิงหาคม 2548 และเป็นผู้ประกันตนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 วันที่ 29 สิงหาคม 2548 นางสาวทัศนีย์ถึงแก่ความตายด้วยโรคมะเร็ง โจทก์ติดต่อขอรับเงินสงเคราะห์กรณีตายและเงินบำเหน็จชราภาพ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดเพชรบุรีแจ้งว่าโจทก์ไม่ใช่บิดาชอบด้วยกฎหมายของนางสาวทัศนีย์ไม่มีสิทธิได้รับเงินทั้งสองจำนวนนั้น โจทก์อุทธรณ์คณะกรรมการอุทธรณ์มีมติยกอุทธรณ์ของโจทก์ โจทก์เห็นว่าคำว่าบิดาตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 หมายถึงบิดาตามความเป็นจริงทั้งที่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงเป็นทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์กรณีตายและเงินบำเหน็จชราภาพของนางสาวทัศนีย์ โจทก์ประสงค์ขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการอุทธรณ์ ขอให้บังคับ่จำเลยจ่ายเงินสงเคราะห์กรณีตาย 75,000 บาท และเงินบำเหน็จชราภาพ 50,344.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ถัดจากวันที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดเพชรบุรีแจ้งว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าว (วันที่ 25 พฤศจิกายน 2548) จนกว่าจำเลยจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า บิดาผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์กรณีผู้ประกันตนถึงแก่ความตายตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 73 (2) และบิดาผู้เป็นทายาทมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพตามมาตรา 77 จัตวา วรรคสอง (3) ต้องเป็นบิดาชอบด้วยกฎหมายของผู้ประกันตน โจทก์ไม่ใช่บิดาชอบด้วยกฎหมายของนางสาวทัศนีย์ ผู้ประกันตน จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์กรณีตายและเงินบำเหน็จชราภาพ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานภาค 7 ฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์อยู่กินฉันสามีภริยากับนางประกอบ โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรด้วยกันคือนางสาวทัศนีย์ นางประกอบถึงแก่ความตายแล้ว นางสาวทัศนีย์เป็นลูกจ้างของบริษัทซาฟารีเวิลด์ (มหาชน) จำกัด ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2534 ถึงวันที่ 29 สิงหาคม 2547 จึงเป็นผู้ประกันตน นางสาวทัศนย์ถึงแก่ความตายด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2548 นางสาวทัศนีย์ไม่มีสามีและบุตร โจทก์ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีตายและกรณีชราภาพ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดเพชรบุรีแจ้งว่าโจทก์ไม่ใช่บิดาชอบด้วยกฎหมายของนางสาวทัศนีย์ ไม่มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์กรณีตาย และเงินบำเหน็จชราภาพกรณีตาย โจทก์อุทธรณ์ คณะกรรมการอุทธรณ์มีมติยกอุทธรณ์แล้ววินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 ไม่ได้ให้คำจำกัดความคำว่า “บิดา” ตามมาตรา 77 ทวิ และ 77 จัตวา ไม่ได้จำกัดว่าเฉพาะบิดาชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นที่มีสิทธิรับเงินทดแทนกรณีตายและเงินบำเหน็จชราภาพกรณีตาย เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 ก็เพื่อสร้างหลักประกันให้แก่ลูกจ้างและบุคคลอื่นโดยจัดตั้งกองทุนประกันสังคมขึ้นมาให้การสงเคราะห์แก่ลูกจ้างและบุคคลอื่นที่ประสบอันตราย เจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรือตายอันไม่ใช่เนื่องมาจากการทำงาน ดังนั้น ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายคำว่า “บิดา” จึงหมายถึงบิดาชอบด้วยกฎหมายและบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ประกันตน โจทก์จึงมีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์กรณีตายและเงินบำเหน็จชราภาพกรณีตายของนาวสาวทัศนีย์ตามมาตรา 73, 77 ทวิ และ 77 จัตวา พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งสำนักงานประกันสังคมจังหวัดเพชรบุรีที่สั่งว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินดสงเคราะห์กรณีตายและเงินบำเหน็จชราภาพกรณีตาย และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการอุทธรณ์ที่ 156-157/2549 ลงวันที่ 31 มกราคม 2549 ให้จำเลยจ่ายเงินสงเคราะห์กรณีตายและเงินบำเหน็จชราภาพกรณีตายแก่โจทก์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 73, 77 ทวิ และ 77 จัตวา คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ระหว่างพิจารณาโจทก์ถึงแก่กรรม นายบรรเจิดทายาทของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลฎีกาอนุญาต
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการเดียวว่า โจทก์ซึ่งเป็นบิดาของนางสาวทัศนีย์ ตามความเป็นจริงแต่ไม่ใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเป็น “ทายาท” ผู้มีสิทธิได้รับบำเหน็จชราภาพตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 77 จัตวา วรรคสอง (3) หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 ไม่ได้ให้คำจำกัดความคำว่า “บิดา” และคำว่า “ทายาท” ว่ามีความหมายอย่างใด เมื่อพิจารณาบทบัญญัติตามมาตราต่างๆ ในพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 จะเห็นได้ว่า มีการบัญญัติแตกต่างกันชัดเจน กล่าวคือ ในมาตรา 73 (1) การจ่ายเงินค่าทำศพให้จ่ายแก่ “บุคคล” ตามลำดับ ดังนี้ — มาตรา 73 (2) การจ่ายเงินสงเคราะห์กรณีที่ผู้ประกันตนถึงแก่ความตายให้จ่ายแก่ “บุคคล” — มาตรา 75 จัตวา การจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรแก่ “บุคคล” — ตามลำดับ ดังนี้ แต่ในมาตรา 77 จัตวา บัญญัติไว้ชัดเจนแตกต่างจากมาตราดังกล่าวข้างต้น โดยบัญญัติว่า “ทายาท” ของผู้นั้นมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ “ทายาท” ผู้มีสิทธิตามวรรคหนึ่ง ได้แก่ (1) (2) (3) — เมื่อบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวใช้คำว่า “บุคคล” กับ “ทายาท” แสดงว่ากฎหมายมีเจตนารมณ์ที่จะให้มีความหมายแตกต่างกัน และคำว่า “ทายาท” ซึ่งเป็นถ้อยคำในบทบัญญัติของกฎหมายจึงต้องแปลงความหมายโดยเทียบเคียงกับคำว่า “ทายาท” ในกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง ตามบทบัญญัติมาตรา 4 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งในกรณีนี้ก็คือบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 ว่าด้วยมรดก ซึ่งมีบทบัญญัติถึงคำว่า “ทายาท” อยู่ในมาตรา 1559, 1603 และ 1629 โดยคำว่า “ทายาท” ในบทบัญญัติดังกล่าวนี้ หมายถึงเฉพาะทายาทที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น ดังนั้นคำว่า “ทายาท” ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 77 จัตวา จึงต้องหมายถึง ทายาทที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น มิได้หมายความรวมถึงทายาทตามความเป็นจริงด้วยแต่ประการใดและเมื่อโจทก์เป็นบิดาตามความเป็นจริง แต่มิใช่เป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ประกันตน และมิใช่เป็นทายาทที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ประกันตน จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 77 จัตวา แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 ที่ศาลแรงงานภาค 7 วินิจฉัยให้พิกถอนคำสั่งของจำเลยในส่วนนี้ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในส่วนเงินบำเหน็จชราภาพพร้อมดอกเบี้ย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานภาค 7

Share