คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1108/2553

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ว่าจ้างให้จำเลยขนส่งสินค้าของโจทก์ไปให้ลูกค้า จำเลยนำสินค้าไปเป็นของตนเอง โจทก์ต้องจัดส่งสินค้าอย่างเดียวกันให้ลูกค้าอีกครั้งทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยชำระเงินดังกล่าว แม้ตามฟ้องโจทก์จะเรียกเอาค่าเสียหายแต่ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกเอาก็เท่ากับราคาสินค้าที่ได้มอบให้จำเลยไปจึงเป็นเรื่องที่โจทก์ในฐานะเจ้าของทรัพย์สินใช้สิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากจำเลยตาม ป.พ.พ. มาตรา 1336 ซึ่งไม่มีอายุความฟ้องร้อง ทั้งจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าสินค้าของโจทก์สูญหายระหว่างการขนส่ง จึงไม่อาจนำอายุความตามมาตรา 624 มาใช้บังคับได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2544 โจทก์ได้ว่าจ้างให้จำเลยขนส่งสินค้าของโจทก์มูลค่า 37,926.15 บาท ไปส่งให้แก่วิทยาลัยการอาชีพท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ จำเลยรับสินค้าดังกล่าวเพื่อจัดนำส่งแล้ว แต่จำเลยมิได้นำส่งสินค้าให้แก่ผู้รับดังกล่าว กลับนำไปเป็นของตนเอง โจทก์ต้องจัดส่งสินค้าประเภทเดียวกันและจำนวนเท่ากันให้แก่ทางวิทยาลัยการอาชีพท่าตูมอีกครั้ง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นเงิน 37,826.15 บาท ขอให้จำเลยชำระเงินจำนวน 37,926.15 บาท พร้อมดอกบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่จำเลยรับสินค้าไปจากโจทก์ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ รวมเงินต้นและดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน 41,837.28 บาท
จำเลยให้การว่า ในข้อความรับผิดของผู้ขนส่งในการที่ของสูญหายหรือบุบสบายหรือส่งชักช้านั้น ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดปีหนึ่งนับแต่ส่งมอบ โจทก์ส่งมอบสินค้าให้แก่จำเลยเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2544 แต่นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2545 ซึ่งพ้นระยะเวลาหนึ่งปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 37,926.15 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่ 2 มีนาคม 2544 แก่โจทก์ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ทั้งนี้ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้อง (วันที่ 15 กรกฎาคม 2545) ต้องไม่เกิน 3,911,13 บาท ตามที่โจทก์ขอกับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 1,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเช่นว่านี้ ศาลฎีกาจึงต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงมาว่า โจทก์ว่าจ้างให้จำเลยรับขนสินค้าไปส่งมอบให้วิทยาลัยการอาชีพท่าตูมจังหวัดสุรินทร์ จำเลยรับมอบสินค้าดังกล่าวจากโจทก์แล้ว แต่มิได้นำสินค้าไปส่งมอบให้ตามสัญญา โดยโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยนำสินค้าดังกล่าวไปเป็นของตนเอง โจทก์ต้องจัดส่งสินค้าอย่างเดียวกันให้แก่วิทยาลัยการอาชีพท่าตูมอีกครั้ง และนำคดีมาฟ้องขอให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ แม้ตามฟ้องโจทก์จะเรียกเอาค่าเสียหาย แต่ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกก็เท่ากับราคาสินค้าของโจทก์ที่ได้มอบให้จำเลยไป จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ในฐานะเจ้าของทรัพย์สินใช้สิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ซึ่งไม่มีกำหนดอายุความฟ้องร้อง อีกทั้งจำเลยก็ให้การต่อสู้ว่าได้นำสินค้าของโจทก์ไปส่งมอบให้แก่ผู้รับแล้ว มิได้ต่อสู้ว่าสินค้าของโจทก์สูญหายระหว่างการขนส่ง จึงไม่อาจนำอายุความในเรื่องความรับผิดของผู้ขนส่งในกรณีที่ของสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งชักช้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624 มาใช้บังคับแก่คดีนี้ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความจึงชอบแล้ว”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share