คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ถ้อยคำที่จำเลยด่าโจทก์ว่า “อีแก่ไม่ยุติธรรม มึงทำให้ครอบครัวกูแตกแยก กูจะไม่อยู่กับมึงแล้ว” เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นโจทก์ซึ่งเป็นอา จำเลยเรียกโจทก์ว่า อีแก่ ขึ้นมึงขึ้นกูกับโจทก์ ย่อมทำให้โจทก์อับอายเสียชื่อเสียงและเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงตาม ป.พ.พ. มาตรา 531 (2) โจทก์ย่อมเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณได้
ก่อนฟ้องคดีจำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 27546 พร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้แก่ผู้อื่น เมื่อถอนคืนการให้ จำเลยต้องส่งคืนทรัพย์สินแก่โจทก์ตามบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้ โดยคืนที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์ตามสภาพที่เป็นอยู่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 413 วรรคหนึ่งและมาตรา 534

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ถอนคืนการให้และบังคับจำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 27546 พร้อมบ้านเลขที่ 8 ตำบลบ้านหมี่ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี แล้วโอนที่ดินพร้อมบ้านดังกล่าวและที่ดินโฉนดเลขที่ 5934 เฉพาะส่วนของจำเลย พร้อมบ้านเลขที่ 189 ตำบลบ้านหมี่ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี กลับคืนเป็นของโจทก์ และส่งมอบโฉนดที่ดินทั้งสองฉบับแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ระหว่างอุทธรณ์ของศาลอุทธรณ์ภาค 1 จำเลยถึงแก่ความตาย โจทก์ยื่นคำร้องขอให้หมายเรียกนายสุประภพ ทายาทของจำเลยเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งตั้งผู้ถูกเรียกเป็นคู่ความแทน
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้วคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ โจทก์มีตัวโจทก์อ้างตนเองเป็นพยานเบิกความว่า จำเลยด่าโจทก์เมื่อประมาณเดือนเมษายน 2546 โดยโจทก์มีเด็กหญิงนพเก้า เป็นพยานเบิกความว่า นายธงชัย นำหนังสือโป๊มาให้พยานดูเมื่อเดือนธันวาคม 2545 จากนั้นเมื่อประมาณกลางเดือนมกราคม 2546 นายธงชัยชวนพยานไปดูวีซีดีโป๊ พยานจึงเล่าเรื่องดังกล่าวให้โจทก์ฟังและนายธงชัยหนีออกจากบ้านไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2546 พยานได้ยินจำเลยด่าโจทก์เมื่อประมาณต้นเดือนเมษายน 2546 และโจทก์มีนางสาวไพรวัลย์ เป็นพยานเบิกความว่า เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2546 โจทก์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พยานฟัง พยานจึงไปเล่าเรื่องให้จำเลยฟังอีกต่อหนึ่ง นายธงชัยออกจากบ้านไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2546 จำเลยอ้างตนเองเป็นพยานเบิกความว่าเมื่อประมาณต้นปี 2545 จำเลยทราบจากชาวบ้านว่าโจทก์ไปบอกชาวบ้านว่าจำเลยด่าว่าโจทก์ เห็นว่า โจทก์มีเด็กหญิงนพเก้าและนางสาวไพรวัลย์เป็นพยานมาเบิกความสนับสนุนกล่าวอ้างถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีโครงเรื่องเชื่อมโยงกันอย่างสมเหตุสมผล โดยจำเลยนำสืบเพียงว่ารับทราบข้อเท็จจริงจากผู้อื่นอันเป็นพยานบอกเล่า พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของจำเลย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทโจทก์เมื่อประมาณเดือนเมษายน 2546 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2546 ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 533 วรรคหนึ่ง
ปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปตามฎีกาของโจทก์ว่า ถ้อยคำที่จำเลยด่าโจทก์ว่า “อีแก่ ไม่ยุติธรรม มึงทำให้ครอบครัวกูแตกแยก กูจะไม่อยู่กับมึงแล้ว” เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงหรือไม่ เห็นว่า ถ้อยคำดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นโจทก์ซึ่งเป็นอา เรียกโจทก์ว่าอีแก่ ขึ้นมึงขึ้นกูกับโจทก์ ย่อมทำให้โจทก์อับอายเสียชื่อเสียงและเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 (2) โจทก์ย่อมเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณได้
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ข้อต่อไปมีว่า โจทก์เรียกถอนคืนการให้ได้เพียงใด ข้อเท็จจริงได้ความว่า ก่อนฟ้องคดีจำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 27546 พร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้แก่ผู้อื่นและตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 534 บัญญัติไว้ว่า “เมื่อถอนคืนการให้ ท่านให้ส่งคืนทรัพย์ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ ว่าด้วยลาภมิควรได้ ดังนั้น จำเลยจึงต้องคืนที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์ตามสภาพที่เป็นอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 413 วรรคหนึ่ง ฎีกาของโจทก์ทั้งสองข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน”
อนึ่ง เดิมโจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกามาอย่างเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ 200 บาท แต่คดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์และมีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา 210,000 บาท ค่าขึ้นศาลจึงมีเพียง 5,250 บาท แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเป็นเงิน 5,450 บาท เกินมา 200 บาท จึงไม่ถูกต้อง”
พิพากษากลับ ให้ถอนคืนการให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 27546 พร้อมบ้านเลขที่ 8 ตำบลบ้านหมี่ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี และโฉนดเลขที่ 5934 เฉพาะส่วนของจำเลย พร้อมบ้านเลขที่ 189 ตำบลบ้านหมี่ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี โดยให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวคืนแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้ยกคำขออื่น ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกิน 200 บาท แก่โจทก์

Share