คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9174/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยจำหน่ายให้ ศ. และ ร. ในแต่ละครั้งเป็นเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายหมดไปในแต่ละคราว การกระทำของจำเลยในแต่ละครั้งซึ่งเป็นทั้งความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจึงเป็นกรรมเดียวกันต้องลงโทษตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักสุด แต่ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนมีระวางโทษเท่ากัน จำเลยจึงควรรับโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน อย่างไรก็ดี ที่ศาลชั้นต้นรวมโทษทั้งสองกระทงเข้าด้วยกันแล้วจึงลดโทษ ย่อมเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากกว่าลดโทษแต่ละกระทงเสียก่อนแล้วจึงรวมเข้าด้วยกัน แม้มีเศษเป็นเดือนก็คงให้เป็นเดือนต่อไปโดยไม่ปรับเป็นปีเพราะ ป.อ. มาตรา 21 วรรคสอง บัญญัติว่า หากกำหนดโทษจำคุกเป็นเดือน ให้นับสามสิบวันเป็นหนึ่งเดือน แล้วถ้ากำหนดเป็นปี ให้คำนวณตามปีปฏิทินในราชการ เมื่อเป็นเช่นนี้การกำหนดโทษจำคุก 12 เดือน ย่อมมีกำหนดเท่ากับ 360 วัน ซึ่งน้อยกว่าจำนวนวันตามปีปฏิทินที่อาจมีถึง 366 วัน หรือ 365 วัน สุดแท้แต่ว่าจะเป็นปีอธิกสุรทินหรือปีจันทรคติ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยไม่ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 4 ปี รวมจำคุก 8 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ในการพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสามคงจำคุก 5 ปี 4 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า โจทก์มีนายศิลา เป็นพยานเบิกความว่า พยานเคยไปซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย 2 เม็ด เมื่อต้นปี 2545 นอกจากนี้โจทก์ยังมีนายรุ่ง เป็นพยานเบิกความสนับสนุนว่า เมื่อปลายปี 2545 พยานเคยไปซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยในราคาเม็ดละ 150 บาท ถึง 170 บาท หลังจากนั้นพยานทั้งสองเข้าร่วมโครงการบำบัดยาเสพติดให้โทษและถูกเจ้าพนักงานตำรวจซักถาม พยานทั้งสองจึงเล่าเรื่องให้ฟังและให้การไว้ในชั้นสอบสวนรายละเอียดปรากฏตามเอกสารหมาย จ.7 และ จ.8 พยานทั้งสองต่างไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุให้ระแวงว่าจะปรุงแต่งเรื่องราวขึ้นใส่ร้ายปรักปรำจำเลยให้ต้องรับโทษ แม้คำเบิกความของนายรุ่งกับนายศิลาในการซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยจะแตกต่างไปจากที่เคยให้การไว้ในชั้นสอบสวนบ้าง เป็นต้นว่าในชั้นสอบสวนนายศิลาให้การว่าเคยซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยถึง 10 ครั้ง ส่วนนายรุ่งให้การว่าเคยซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย 7 ครั้ง แต่ในชั้นพิจารณาบุคคลทั้งสองเบิกความว่า ซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยเพียงคนละครั้งเท่านั้น ข้อแตกต่างดังกล่าวก็เป็นเพียงรายละเอียดปลีกย่อยอันเป็นพลความ ไม่เป็นพิรุธจนถึงขนาดทำให้น้ำหนักคำเบิกความของพยานทั้งสองเสียไปยิ่งกว่านั้นโจทก์ยังมีบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.9 ซึ่งรับสารภาพว่ารับเมทแอมเฟตามีนมาจากชายที่ชื่อธวัชแล้วนำไปขายให้แก่บุคคลทั่วไป ทั้งยังนำชี้ที่เกิดเหตุให้พนักงานสอบสวนถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานด้วยพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น อนึ่ง เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยจำหน่ายให้แก่นายศิลาและนายรุ่ง ในแต่ละครั้งเป็นเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายหมดไปในแต่ละคราว การกระทำของจำเลยในแต่ละครั้งซึ่งเป็นทั้งความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจึงเป็นกรรมเดียวกันต้องลงโทษตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด แต่ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนมีระวางโทษเท่ากัน จำเลยจึงควรรับโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน อย่างไรก็ดี ที่ศาลชั้นต้นรวมโทษทั้งสองกระทงเข้าด้วยกันแล้วจึงลดโทษ ย่อมเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากกว่าการลดโทษแต่ละกระทงเสียก่อนแล้วจึงรวมเข้าด้วยกัน แม้มีเศษเป็นเดือนก็คงให้เป็นเดือนต่อไปโดยไม่ปรับเป็นปีเพราะประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 21 วรรคสอง บัญญัติว่า หากกำหนดโทษจำคุกเป็นเดือน ให้นับสามสิบวันเป็นหนึ่งเดือน แต่ถ้ากำหนดเป็นปี ให้คำนวณตามปีปฏิทินในราชการ เมื่อเป็นเช่นนี้การกำหนดโทษจำคุก 12 เดือน ย่อมมีกำหนดเท่ากับ 360 วัน ซึ่งน้อยกว่าจำนวนวันตามปีปฏิทินที่อาจมีถึง 366 วัน หรือ 365 วัน สุดแท้แต่ว่าจะเป็นปีอธิกสุรทินหรือปีจันทรคติ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยไม่ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225”
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง ให้ลงโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ลงโทษจำคุกกระทงละ 4 ปี ลดโทษในแต่ละกระทงให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้วจำคุกกระทงละ 2 ปี 8 เดือน รวม 2 กระทง จำคุก 4 ปี 16 เดือน

Share