คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1906/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

อำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวในการรวบรวม จัดการ และจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 22 (1) หาได้รวมถึงทรัพย์สินของบุคคลภายนอกที่มิได้ถูกพิทักษ์ทรัพย์ด้วยไม่ การที่ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้มีประกันเป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาขอให้ผู้คัดค้านยึดโรงงานพิพาทที่มิใช่ของลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 2 และมีบุคคลภายนอกร้องคัดค้านการยึดจนในที่สุดผู้คัดค้านมีคำสั่งให้ปล่อยโรงงานพิพาทคืนแก่บุคคลภายนอก เช่นนี้ ตามพฤติการณ์และวิสัยของผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองย่อมจะต้องรู้อยู่แล้วว่าโรงงานพิพาทมิใช่เป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 2 แม้ผู้ร้องอ้างว่าเป็นความสำศัญผิดของผู้ร้องก็เป็นที่เห็นได้ชัดว่าเกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้ร้อง ส่วนผู้คัดค้านเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อไม่มีพฤติการณ์ใดแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น ก็ย่อมเข้าใจว่าสิ่งปลูกสร้างซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินเป็นส่วนควบของที่ดินแปลงนั้น กรณีไม่อาจถือได้ว่าการยึดโรงงานพิพาทบนที่ดินจำนองหลักประกันของผู้ร้องเป็นความผิดของผู้คัดค้านผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ดำเนินการขอให้ผู้คัดค้านยึดโรงงานพิพาทเพื่อประโยชน์ของผู้ร้องฝ่ายเดียวจึงมีหน้าที่ต้องรับผิดในค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขาย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ถึงที่ 6 เด็ดขาด เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2544 ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันจำนองเหนือที่ดินโฉนดเลขที่ 6134, 9016 ตำบลสำโรงเหนือ (สำโรงฝั่งใต้) อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมสิ่งปลูกสร้างของลูกหนี้ที่ 2 ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 96 (3)
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ภายหลังผู้ร้องได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดสมุทรปราการ ทำการยึดทรัพย์จำนองแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาด แต่ต้องงดการขายตามคำสั่งของผู้คัดค้านเนื่องจากบริษัทอุตสาหกรรมลี้ไทยมุ้ย จำกัด และบริษัทวิวัฒน์อุตสาหกรรมลวดสลิง (1979) จำกัดยื่นคำร้องคัดค้านการยึดทรัพย์และผู้คัดค้านได้สอบสวนแล้วมีคำสั่งให้ปล่อยอาคารโรงงานพิพาทเลขที่ 272 และ 272/1 ตำบลสำโรงเหนือ (สำโรงฝั่งใต้) อำเภอเมืองสมุทรปราการ (เมือง) จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 3 หลัง ที่ยึดที่ตั้งอยู่บนที่ดินจำนองดังกล่าว โดยให้ผู้ร้องรับผิดค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์แล้วไม่มีการขาย ผู้ร้องเห็นว่าผู้ร้องเป็นฝ่ายสำคัญผิด แต่ผู้คัดค้านประมาทเลินเล่อไม่ตรวจสอบให้ถูกต้องก่อนที่จะมีคำสั่งยึดทรัพย์ กระทำการเกินขอบอำนาจซึ่งเป็นความผิดของผู้คัดค้านด้วยคำสั่งผู้คัดค้านที่ให้ผู้ร้องฝ่ายเดียวรับผิดเสียค่าธรรมเนียมไม่เป็นธรรมแก่ผู้ร้อง ทั้งการจัดการรวบรวม และจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลายเป็นอำนาจของผู้คัดค้านแต่เพียงผู้เดียวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22 และผู้ร้องไม่มีหน้าที่โดยตรงในการรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้ ทั้งผู้คัดค้านไม่มีอำนาจรวบรวมทรัพย์สินของบุคคลภายนอก จึงไม่สามารถคิดค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขาย ขอให้เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้านที่ให้ผู้ร้องเสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขาย
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา โดยศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ได้
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ปัญหาตามอุทธรณ์ของผู้ร้องมีว่า ผู้ร้องต้องรับผิดในค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายหรือไม่ เห็นว่า… แม้การรวบรวมจัดการ และจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 2 เป็นอำนาจของผู้คัดค้านแต่เพียงผู้เดียวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22 (1) แต่อำนาจเช่นนี้จำกัดเฉพาะที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งถูกพิทักษ์ทรัพย์หาได้รวมถึงทรัพย์สินของบุคคลภายนอกที่มิได้ถูกพิทักษ์ทรัพย์ด้วยไม่ การที่ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้มีประกันเป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาขอให้ผู้คัดค้านยึดโรงงานพิพาทที่มิใช่เป็นของลูกหนี้ซึ่งถูกพิทักษ์ทรัพย์และมีบุคคลภายนอกร้องคัดค้านการยึด จนในที่สุดผู้คัดค้านมีคำสั่งให้ปล่อยโรงงานพิพาทคืนแก่บุคคลภายนอก เช่นนี้ ความผิดพลาดในการยึดทรัพย์สินที่มิใช่ของลูกหนี้ที่ 2 ดังกล่าว แม้ผู้ร้องอ้างว่าเป็นความสำคัญผิดของผู้ร้อง แต่เมื่อความสำคัญผิดนั้นเป็นที่เห็นได้ชัดว่าเกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้ร้อง เนื่องจากผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองโรงงานพิพาทจากบุคคลภายนอกดังกล่าวด้วย ตามพฤติการณ์และวิสัยของผู้ร้องย่อมจะต้องรู้อยู่แล้วว่า โรงงานพิพาทแม้จะปลูกสร้างบนที่ดินจำนองแต่ก็มิใช่เป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 2 ส่วนผู้คัดค้านเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามปกติเมื่อไม่มีพฤติการณ์ใดที่แสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่นก็ย่อมจะเข้าใจว่าสิ่งปลูกสร้างซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินย่อมเป็นส่วนควบของที่ดินแปลงนั้นทั้งตามบัญชีรายละเอียดแห่งหนี้สินและทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันด้านหลังคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง ผู้ร้องก็ระบุชัดเจนซึ่งทรัพย์หลักประกันว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 6134, 9016 ตำบลสำโรงเหนือ (สำโรงฝั่งใต้) อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการพร้อมสิ่งปลูกสร้าง กรณีจึงไม่อาจถือว่าการยึดโรงงานพิพาทซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินจำนองหลักประกันของผู้ร้อง เป็นเรื่องที่ผู้คัดค้านใช้ดุลพินิจดำเนินการไปตามอำนาจของผู้คัดค้าน รวมทั้งไม่อาจจะถือว่าเป็นความผิดของผู้คัดค้านดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้างมาในอุทธรณ์แต่อย่างใด เมื่อการยึดโรงงานพิพาทซึ่งมิใช่ทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 2 เกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้ร้อง ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ดำเนินการขอให้ผู้คัดค้านยึดเพื่อประโยชน์ของผู้ร้องฝ่ายเดียวจึงมีหน้าที่ต้องรับผิดในค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขาย คำสั่งศาลล้มละลายกลางชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share