แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
ไม่มีย่อสั้น
ย่อยาว
(สำเนา)
คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๔๑/๒๕๔๘
วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๘
เรื่อง คดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน
ศาลปกครองเชียงใหม่
ระหว่าง
ศาลจังหวัดลำพูน
การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลปกครองเชียงใหม่โดยสำนักงานศาลปกครองส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคสาม ซึ่งเป็นกรณีศาลที่รับฟ้องคดีเห็นว่าคดีไม่อยู่ในเขตอำนาจ และศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น
ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๔๗ นางสังวาลย์ นันทขว้าง ผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้อง อธิบดีกรมที่ดิน ผู้ถูกฟ้องคดี ต่อศาลปกครองเชียงใหม่ เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๒๒๕/๒๕๔๗ ความว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้จัดการมรดกของนายวิมพ์ นันทขว้าง ซึ่งถือสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๑๖๘๒, ๑๖๘๓, ๑๖๘๔, ๑๖๘๕, ๑๖๘๖, และ ๑๖๘๗ ตำบลนครเจดีย์ อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เอกสารสิทธิดังกล่าวออกเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ และไม่มีผู้ใดคัดค้านการออกเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส. ๓ ก. ของผู้ฟ้องคดีอยู่ในท้องที่ ๓ ตำบลคือ ตำบลท่าตุ้ม ตำบลน้ำดิบ และตำบลนครเจดีย์ เดิมยังไม่มีตำบลนครเจดีย์ที่ดินพิพาทอยู่ในตำบลมะกอก และอาศัยเขตหนอง ลำห้วย เป็นการแบ่งแนวเขตไม่ได้ใช้แนวถนนเป็นแนวเขตเช่นปัจจุบัน ต่อมามีกลุ่มเอ็นจีโอ ชาวบ้าน และนักวิชาการบุกรุกเข้ามาในที่ดินของผู้ฟ้องคดีและเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการได้มาซึ่งเอกสารสิทธิในที่ดิน
ดังกล่าว ต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีได้มีคำสั่ง ที่ ๑๐๑๘/๒๕๔๗ ลงวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๔๗ เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ทั้ง ๖ แปลงดังกล่าว เนื่องจากได้นำ ส.ค. ๑ หมู่ที่ ๗ ตำบลมะกอก (ปัจจุบันเป็นหมู่ที่ ๔ ตำบลนครเจดีย์) ซึ่งเป็นหลักฐานสำหรับที่ดินแปลงอื่นมาใช้เป็นหลักฐานในการออก น.ส. ๓ ก. ในที่ดินซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่ ๓ ตำบลนครเจดีย์ (เดิมเป็นหมู่ที่ ๘ ตำบลน้ำดิบ) อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อปลัดกระทรวงมหาดไทย แต่ปลัดกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีอ้างว่ายื่นอุทธรณ์เกินกำหนดระยะเวลาตามมาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ผู้ฟ้องคดีไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าวเนื่องจากไม่มีการกล่าวอ้างขึ้นวินิจฉัยมาก่อน และผู้ฟ้องคดียื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดระยะเวลาตามมาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) ทั้ง ๖ แปลงของผู้ฟ้องคดี
ผู้ถูกฟ้องคดีให้การว่า ที่ดิน น.ส. ๓ ก. ทั้ง ๖ แปลงของผู้ฟ้องคดี ออกโดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑ หมู่ที่ ๗ ตำบลมะกอก อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน แต่ในการรังวัดและประกาศการออก น.ส. ๓ ก. ระบุว่าที่ดินทั้ง ๖ แปลงตั้งอยู่หมู่ที่ ๓ ตำบลนครเจดีย์ ซึ่งนายวิชัย เปียชาติ กำนันตำบลนครเจดีย์ยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวตามหลักฐาน ส.ค. ๑ ระบุว่าที่ดินตั้งอยู่ หมู่ที่ ๗ ตำบลมะกอก ปัจจุบันตำบลมะกอกได้แยกออกเป็นตำบลนครเจดีย์จึงทำให้ที่ดินทั้ง ๖ แปลง อยู่ในเขตนครเจดีย์ แต่จากประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ลงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๑๙ ปรากฏว่าหมู่ที่ ๗ ตำบลมะกอก ปัจจุบันคือหมู่ที่ ๔ ตำบลนครเจดีย์ (ส่วนหมู่ที่ ๓ ตำบลนครเจดีย์โอนมาจากหมู่ที่ ๘ ตำบลน้ำดิบ) ตำแหน่งที่ตั้งหมู่ที่ ๗ ตำบลมะกอก และหมู่ที่ ๓ ตำบลนครเจดีย์ อยู่ห่างกันและไม่เคยเป็นตำบลเดียวกันมาก่อนแล้วมาแยกในภายหลังแต่อย่างใด จึงเป็นการออกเอกสารสิทธิโดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑ ไม่ตรงกับตำแหน่งที่ตั้งของที่ดิน ผู้ฟ้องคดีทราบคำสั่งเพิกถอน น.ส. ๓ ก. เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๔๗ และอุทธรณ์เป็นหนังสือลงวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๔๗ ส่งถึงกรมที่ดิน เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๔๗ จึงเป็นการยื่นอุทธรณ์เกิน ๑๕ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งตามมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
ศาลปกครองเชียงใหม่เห็นว่า คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่าคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๑๐๑๘/๒๕๔๗ ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) ทั้ง ๖ แปลงของผู้ฟ้องคดีเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบและขอให้เพิกถอน ซึ่งเป็นคดีพิพาทตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แต่การที่จะวินิจฉัยว่าคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่าที่ดินตามเอกสาร น.ส. ๓ ก. ที่ผู้ฟ้องคดีครอบครองอยู่เป็นที่ดินเดียวกันกับที่ดินตามหลักฐาน ส.ค. ๑ ที่ใช้ในการออก น.ส. ๓ ก. หรือไม่ จึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน คดีจึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม ตามนัยคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ที่ ๖๑/๒๕๔๗
ศาลจังหวัดลำพูนเห็นว่า ประเด็นที่ผู้ฟ้องคดีโต้แย้งและกล่าวอ้าง สืบเนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีมีคำสั่งที่ ๑๐๑๘/๒๕๔๗ ลงวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๔๗ ให้เพิกถอน น.ส. ๓ ก. ทั้ง ๖ แปลงของผู้ฟ้องคดีอ้างว่าเป็นเอกสารที่ออกโดยมิชอบ เพราะอาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑ ไม่ตรงตามตำแหน่งที่ตั้งของที่ดิน ซึ่งผู้ฟ้องคดีได้อุทธรณ์คัดค้านต่อปลัดกระทรวงมหาดไทย แต่ปลัดกระทรวงมหาดไทยไม่รับอุทธรณ์เพราะยื่นอุทธรณ์เกินกำหนด ผู้ฟ้องคดีไม่เห็นพ้องด้วยกับคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีและปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยผู้ฟ้องคดีเห็นว่า อุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีไม่ได้ยื่นเกินกำหนดและคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีเป็นคำสั่งที่เกิดจากการกระทำที่มิชอบ มิได้เป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้อง จึงฟ้องต่อศาลขอให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีดังกล่าว ดังนี้ ประเด็นการโต้แย้งอยู่ที่คำสั่งเพิกถอนเอกสาร น.ส. ๓ ก. ที่พิพาทของเจ้าพนักงานผู้ถูกฟ้องคดีที่ได้กระทำต่อผู้ฟ้องคดีว่าเป็นไปโดยถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ กรณีต่างมีข้อโต้แย้งกัน และเป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติของผู้ถูกฟ้องคดีที่กระทำไปและถูกผู้ฟ้องคดีคัดค้านว่า ขั้นตอนดังกล่าวไม่ชอบไม่ถูกต้องตามขั้นตอนและวิธีการ เนื่องจากไม่เปิดโอกาสให้ผู้ฟ้องคดีได้รับรู้และตรวจสอบ ทั้งเป็นการกระทำโดยเจ้าพนักงานที่มีส่วนได้เสียแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีต่อสู้ว่า เหตุแห่งการเพิกถอนเอกสาร น.ส. ๓ ก. พิพาทนั้น เนื่องจากการได้มาของเอกสารดังกล่าวเป็นไปโดยมิชอบ เพราะจากการตรวจสอบพบว่า ส.ค. ๑ ที่ใช้เป็นหลักฐานในการออก น.ส. ๓ ก. ไม่ตรงตามตำแหน่งที่ตั้งของที่ดินตามหลักฐานทางปกครองและถึงแม้ผู้ฟ้องคดีจะครอบครองที่พิพาทอยู่ก็ไม่เป็นเหตุที่จะไม่เพิกถอน อันแสดงให้เห็นถึงประเด็นที่โต้เถียงกันว่ากระบวนการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่รัฐว่าเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ กรณีไม่มีประเด็นข้อโต้เถียงเกี่ยวกับสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทว่าผู้ฟ้องคดีครอบครองอยู่จริงหรือไม่อย่างไร ข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่ตรงกับคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ ๖๑/๒๕๔๗ คดีนี้ไม่จำต้องพิสูจน์ถึงสิทธิการครอบครองและที่ตั้งของทรัพย์พิพาท แต่ประการใด จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดย มิชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมหรือ
ศาลปกครอง
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องคดีนี้สรุปได้ว่า ผู้ฟ้องคดี เป็นผู้จัดการมรดกของนายวิมพ์ นันทขว้าง ทรัพย์มรดกเป็นที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๑๖๘๒, ๑๖๘๓, ๑๖๘๔, ๑๖๘๕, ๑๖๘๖, และ ๑๖๘๗ รวมหกแปลง ตำบลนครเจดีย์ อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ออกโดยอาศัยหลักฐานสิทธิครอบครอง (ส.ค. ๑) โดยชอบ แต่ผู้ถูกฟ้องคดีได้มีคำสั่ง ที่ ๑๐๑๘/๒๕๔๗ ลงวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๔๗ เพิกถอน น.ส. ๓ ก. ดังกล่าว อ้างว่าผู้ที่ออก น.ส. ๓ ก. สำหรับที่ดินทั้งหกแปลงนี้ได้นำ ส.ค. ๑ ซึ่งเป็นหลักฐานสำหรับการออก น.ส. ๓ ก. ในที่ดินแปลงอื่นมาเป็นหลักฐาน ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวเพราะเห็นว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากมิได้พิจารณาหลักฐาน ข้อเท็จจริงและประวัติความเป็นมาโดยถูกต้อง ทั้งเป็นการกระทำของบุคคลคนเดียวกันซึ่งผู้ฟ้องคดีไม่อาจรับรู้ได้ว่าถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่ปลัดกระทรวงมหาดไทยไม่รับอุทธรณ์อ้างว่ายื่นอุทธรณ์เกินกำหนดระยะเวลา ๑๕ วันตามมาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ จึงฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดี ที่ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) ทั้งหกแปลงดังกล่าว ส่วนผู้ถูกฟ้องคดีให้การว่า ที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. ทั้งหกแปลงที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างออกโดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑ หมู่ที่ ๗ ตำบลมะกอก อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน แต่ปรากฏว่าในการรังวัดและประกาศการออก น.ส. ๓ ก. ระบุว่าที่ดินตั้งอยู่หมู่ที่ ๓ ตำบลนครเจดีย์ อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน จึงเป็นการออกเอกสารสิทธิโดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑ ไม่ตรงกับตำแหน่งที่ตั้งของที่ดิน คำสั่งให้เพิกถอนจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ดังนั้นแม้คำฟ้องของผู้ฟ้องคดีจะอ้างถึงขั้นตอนการอุทธรณ์คำสั่งต่อผู้ถูกฟ้องคดีและโต้แย้งว่าคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของปลัดกระทรวงมหาดไทยไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตาม แต่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๐ วรรคสอง ให้สิทธิฝ่ายที่ไม่พอใจในการสั่งการของเจ้าพนักงานที่ดินไปฟ้องคดีต่อศาลภายในกำหนด ๖๐ วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง โดยไม่ได้กำหนดขั้นตอนว่าจะต้องมีการอุทธรณ์คำสั่งก่อนฟ้อง เมื่อผู้ฟ้องคดีได้ยื่นฟ้องโดยมีคำขอท้ายฟ้องที่ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ให้เพิกถอน น.ส. ๓ ก. ดังกล่าว ย่อมแสดงให้เห็นว่าเป็นกรณีที่ผู้ฟ้องคดีขอให้ศาลมีคำพิพากษารับรองและคุ้มครองสิทธิในที่ดินของผู้ฟ้องคดี ทั้งคดีนี้คู่กรณียังโต้แย้งกันเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินพิพาทว่าเป็นของผู้ฟ้องคดีหรือไม่เป็นสำคัญ ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ฟ้องคดีตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ แล้วจึงจะพิจารณาได้ว่าคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของผู้ฟ้องคดีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่าง นางสังวาลย์ นันทขว้าง ผู้ฟ้องคดี อธิบดีกรมที่ดิน ผู้ถูกฟ้องคดี อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
(นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ) (นายวิชัย วิวิตเสวี)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม
(นายอักขราทร จุฬารัตน) (นายอัครวิทย์ สุมาวงศ์)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง
พลโท พลโท
(สายัณห์ อรรถเกษม) (อาชวัน อินทรเกสร)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร
(นายพรชัย รัศมีแพทย์)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
??
??
??
??
๕