แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การรังวัดแบ่งแยกที่ดินปกติจะไม่เก็บ น.ส.3 ฉบับเจ้าของที่ดินไว้ จะเรียกให้นำมาอีกครั้งหนึ่งในวันจดทะเบียนแบ่งแยก ดังนั้นเมื่อ จำเลยที่ 1 และโจทก์ยื่นเรื่องราวขอแบ่งขายที่ดิน การที่จำเลยที่ 1 ไปขอรับ น.ส.3 ที่ยื่นไว้คืน โดยสัญญาว่าจะนำมาคืนในภายหลัง จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รับเรื่องราวและเป็นผู้ไปรังวัดตามคำสั่ง ของที่ดินอำเภอคืนให้ไป จึงมิได้เป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนต่อระเบียบหรือ ผิดต่อหน้าที่หรือไม่ชอบด้วยหน้าที่อย่างไร จำเลยที่ 1 รับคืนไปแล้วไปโอนขายฝากจนที่ดินหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้ซื้อ เป็นเรื่องผิดสัญญา แบ่งขายต่อโจทก์เท่านั้น จำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นราษฎรย่อมไม่มีความผิดด้วย แม้จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกา แต่เป็นเหตุ ในลักษณะคดี ศาลฎีกาพิพากษาถึงจำเลยที่ 1 ด้วย
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 กระทำการไปตามอำนาจหน้าที่จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดด้วย มูลกรณีเป็นเรื่องทางแพ่ง พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จำคุก 2 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตาม มาตรา 86 จำคุก 1 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า เดิมจำเลยที่ 1 เป็นหนี้เงินกู้โจทก์ จำเลยที่ 1 ได้มอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เอกสารหมาย จ.2 ให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันต่อมาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2524 โจทก์ได้ตกลงซื้อที่ดินจากจำเลยที่ 1 จำนวน 1 แปลง เป็นที่ดินหน้ากว้าง 10 เมตรยาว 20 เมตร ในราคา 38,000 บาท ได้วางมัดจำไว้ 31,000 บาท ส่วนที่เหลือ3,000 บาท ตกลงกันให้ชำระหนี้วันทำสัญญาโอน ที่ดินที่ซื้อเป็นที่ดินส่วนหนึ่งของที่ดินตาม น.ส.3 ซึ่งมีเนื้อที่ 3 งาน 10 ตารางวา ปรากฏตามเอกสารหมายจ.2 ได้กำหนดไปทำการแบ่งแยกในวันที่ 3 กรกฎาคม 2524 ปรากฏตามสัญญาจะซื้อขายเอกสารหมาย จ.1 เมื่อถึงกำหนดวันแบ่งแยก โจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ไปยื่นเรื่องราวต่อจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ได้นัดรังวัดวันที่ 9 เดือนเดียวกัน พอถึงวันนัดจำเลยที่ 2 ก็ไปทำการรังวัดจนเสร็จ ต่อมาประมาณวันที่ 30 เดือนนั้นโจทก์ไปสอบถามจำเลยที่ 2 เรื่องการแบ่งแยก น.ส.3 จำเลยที่ 2 ว่ายังไม่เสร็จ หลังจากนั้นโจทก์ไปสอบถามจำเลยที่ 2 ทุกเดือนจนถึงต้นเดือนตุลาคม 2524 จำเลยที่ 2 ก็ยังว่าแบ่งแยกไม่เสร็จโจทก์ได้ขอดูเรื่องราวและ น.ส.3 จำเลยที่ 2 ก็ไม่ยอมให้ดูและไม่ยอมให้ถ่ายเอกสาร ต่อมาวันที่ 3 มีนาคม 2525 โจทก์ได้ไปขอดูเรื่องราวอีกเจ้าหน้าที่ที่ดินคนหนึ่งบอกโจทก์ว่าที่ดินที่โจทก์ซื้อนั้น จำเลยที่ 1 ได้นำไปขายฝากให้คนจีนร้านทองในตลาดหาดใหญ่ไปแล้ว ขายฝากกันเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2524 โจทก์ได้สอบถามจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เล่าว่าที่ขายฝากได้เพราะจำเลยที่ 1 ให้เงินจำเลยที่ 2 ที่ 3 คนละหนึ่งหมื่นบาทจึงได้เอกสาร น.ส.3 มา ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายที่เสียเงินแล้วไม่ได้ที่ดินการกระทำของจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ
จำเลยที่ 2 นำสืบว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 เป็นช่างรังวัด 1 ประจำสำนักงานที่ดิน อำเภอหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2524 จำเลยที่ 1 ได้ยื่นเรื่องราวขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินของจำเลยที่ 1 นางเกษณีเป็นผู้รับเรื่องไว้นายบรรจบ ปาณะศรี หัวหน้าเจ้าหน้าที่ที่ดินได้สั่งให้จำเลยที่ 2 ได้ทำการรังวัดวันยื่นคำขอจำเลยที่ 1ได้มอบ น.ส.3 สำหรับที่ดินที่จะทำการรังวัดไว้ด้วย ต่อมาประมาณปลายเดือนกรกฎาคม 2524 จำเลยที่ 1 ได้ขอรับ น.ส.3 ที่ยื่นไว้คืนอ้างว่าจะเอาไปเพื่อสำรวจและเสียภาษีบำรุงท้องที่และจะนำมาคืนให้ภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2524 ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.1/1 การรังวัดแบ่งแยกที่ดินรายนี้ดำเนินการแล้วเสร็จตามปกติ แต่เรื่องล่าช้าไว้ เพราะคู่กรณีไม่ไปติดต่อขอจดทะเบียนจำเลยที่ 2 เพิ่งรู้เรื่องการขายฝากภายหลังที่มีการฟ้องคดีนี้แล้ว
จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 ได้รับ น.ส.3 ของจำเลยที่ 1 ไว้ภายหลังจำเลยที่ 1 มาขอคืน จำเลยที่ 2 ก็คืนให้จำเลยที่ 1 ไป การที่จำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนในครั้งหลังไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด ขอให้กลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยยกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยพ้นข้อหาไป
ปัญหาว่าจำเลยที่ 2 ได้กระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามฟ้องโจทก์หรือไม่
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า น.ส.3 เอกสารหมาย จ.2 มีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินซึ่งทางราชการได้รับรองว่า ที่ดินที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์นั้นได้มีการทำประโยชน์ในที่ดินแล้วตามคำเบิกความของนายบรรจบ ปาณะศรี ซึ่งเคยรับราชการตำแหน่งที่ดินอำเภอหาดใหญ่ ได้เบิกความต่อศาลว่า ในการรังวัดแบ่งแยกที่ดิน ปกติจะไม่เก็บ น.ส.3 ฉบับเจ้าของที่ดินไว้ จะเรียกให้นำมาอีกครั้งหนึ่งในวันจดทะเบียนแบ่งแยก คดีนี้ปรากฏว่าในการที่จำเลยที่ 1 และโจทก์ยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมและการสอบสวนสิทธิในที่ดินประเภทแบ่งขายตามเอกสารหมาย จ.3 เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2524 นั้น ทางสำนักงานที่ดินได้นัดให้จำเลยที่ 1 นำรังวัดในวันที่ 9 กรกฎาคม 2524 และจำเลยที่ 2 ก็ได้ไปทำการรังวัดแล้ว การที่จำเลยที่ 1 ได้ไปขอรับ น.ส.3 ที่ยื่นไว้คืนโดยสัญญาว่าจะนำมาคืนให้ภายหลังตามเอกสารหมาย ล.1/1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รับเรื่องราวและเป็นผู้ไปทำการรังวัดตามคำสั่งที่ดินอำเภอได้คืนให้จำเลยที่ 1 ไปจึงมิได้เป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนต่อระเบียบหรือติดต่อหน้าที่หรือไม่ชอบด้วยหน้าที่อย่างไร การที่จำเลยที่ 1 นำ น.ส.3 ที่รับคืนแล้วไปโอนขายฝากให้บุคคลอื่นเสียจนที่ดินหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้ซื้อเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาในการแบ่งขายต่อโจทก์เท่านั้น และจำเลยที่ 2 ย่อมไม่มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบดังฟ้องโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น เมื่อการกระทำของจำเลยที่ 2 ไม่เป็นความผิด จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นราษฎรก็ย่อมไม่มีความผิดด้วย คดีนี้แม้จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกาขึ้นมาแต่เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกาเห็นสมควรให้คำพิพากษาฉบับนี้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้ฎีกาด้วย”
พิพากษาแก้คำพิพากษานศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยที่ 1 ที่ 2 พ้นข้อหาไป นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์