คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1217/2551

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้บริหารแผนเสนอขอแก้ไขแผน เรื่องการไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาจ้างผู้บริหารตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/63 วรรคหนึ่ง และศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยข้อเสนอขอแก้ไขแผนแล้ว แต่ข้อกำหนดที่ขอแก้ไขในแผนดังกล่าวจะดำเนินการได้หรือไม่ย่อมเป็นปัญหาในชั้นปฏิบัติตามแผนที่ขอแก้ไข ซึ่งศาลมีอำนาจที่จะตรวจสอบเนื้อหาและรายละเอียดข้อเท็จจริงของการใช้อำนาจของผู้บริหารแผนดังกล่าวได้อีกว่าถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่
การไม่ยอมรับทรัพย์สินของลูกหนี้หรือสิทธิตามสัญญาที่มีภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/41 ทวิ จะต้องเป็นสัญญาที่มีผลใช้บังคับอยู่มิใช่ได้มีการบอกเลิกสัญญาไปแล้ว เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงในชั้นปฏิบัติตามแผนที่ขอแก้ไขว่า สิทธิตามสัญญาจ้างผู้ร้องได้มีการบอกเลิกสัญญาไปแล้ว แม้ยังมีคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแรงงานกลางว่าเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมหรือไม่ ผู้บริหารแผนก็ยื่นข้อเสนอขอแก้ไขแผนเพื่อจะขอใช้อำนาจไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาจ้างผู้ร้องตามมาตรา 90/41 ทวิ ไม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2543 และมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนโดยมีบริษัทฮี๊สต์-เวสต์ คอนซัลติ้ง แอนด์ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด เป็นผู้บริหารแผนเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2544 ต่อมาศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยข้อเสนอขอแก้ไขแผนเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2546
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทำงานกับลูกหนี้ตั้งแต่ปี 2539 ตำแหน่งสุดท้ายเป็นที่ปรึกษาบริษัทลูกหนี้ ต่อมาเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2546 ลูกหนี้มีหนังสือแจ้งผู้ร้องเรื่องไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาจ้างผู้บริหารระหว่างลูกหนี้กับผู้ร้อง ฉบับลงวันที่ 25 ตุลาคม 2539 โดยกล่าวอ้างว่ามีภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้ตามที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/41 ทวิ ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาดังกล่าว
ผู้บริหารแผนยื่นคำคัดค้านว่า ผู้บริหารแผนดำเนินการตามที่กำหนดไว้ในข้อเสนอขอแก้ไขแผนซึ่งศาลมีคำสั่งเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2546 จึงมีอำนาจที่จะกระทำได้ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งของผู้บริหารแผนที่ไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาจ้างผู้บริหารระหว่างลูกหนี้กับผู้ร้องฉบับลงวันที่ 25 ตุลาคม 2539 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้บริหารแผนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ผู้ร้องทำงานกับลูกหนี้ตั้งแต่ปี 2539 ตำแหน่งสุดท้ายเป็นที่ปรึกษาบริษัทลูกหนี้ ต่อมาภายหลังจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2543 และมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2544 ลูกหนี้ได้มีหนังสือเลิกจ้างผู้ร้องให้พ้นจากการเป็นพนักงานบริษัทลูกหนี้ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2545 ตามสำเนาหนังสือเลิกจ้างและสำเนาประกาศของลูกหนี้เอกสารหมาย ร.69 และ ร.70 ผู้ร้องจึงยื่นฟ้องลูกหนี้ต่อศาลแรงงานกลางเป็นคดีหมายเลขดำที่ 3347/2545 ว่า ลูกหนี้เลิกจ้างผู้ร้องโดยไม่เป็นธรรม คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาตามสำเนาคำฟ้องเอกสารท้ายคำร้องของผู้บริหารแผนฉบับลงวันที่ 8 กันยายน 2546 ต่อมาผู้บริหารแผนยื่นข้อเสนอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้ที่ประชุมเจ้าหนี้พิจารณาข้อเสนอขอแก้ไขแผนข้อ 10 ให้ผู้บริหารแผนมีอำนาจไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาจ้างผู้บริหารลงวันที่ 25 ตุลาคม 2539 ภายในกำหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันที่ผู้บริหารแผนทราบคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/41 ทวิ โดยกล่าวอ้างว่า สัญญาดังกล่าวมีภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้ ซึ่งที่ประชุมเจ้าหนี้ได้ลงมติพิเศษยอมรับข้อเสนอขอแก้ไขแผนดังกล่าวเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2546 และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยข้อเสนอขอแก้ไขแผนเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2546 มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ขอผู้บริหารแผนว่า ผู้บริหารแผนมีอำนาจไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาจ้างผู้ร้องฉบับลงวันที่ 25 ตุลาคม 2539 หรือไม่ เห็นว่า แม้ภายหลังจากศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนแล้วผู้บริหารแผนมีอำนาจที่จะเสนอขอแก้ไขแผนข้อ 10 เรื่องการไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาจ้างผู้บริหารตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/63 วรรคหนึ่ง และศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยข้อเสนอขอแก้ไขแผนดังกล่าวแล้วก็ตามแต่ข้อกำหนดที่ขอแก้ไขในแผนดังกล่าวจะดำเนินการได้หรือไม่ย่อมเป็นปัญหาในชั้นปฏิบัติตามแผนที่ขอแก้ไข ซึ่งศาลมีอำนาจที่จะตรวจสอบเนื้อหาและรายละเอียดข้อเท็จจริงของการใช้อำนาจของผู้บริหารแผนดังกล่าวได้อีกว่าถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่ ทั้งการไม่ยอมรับทรัพย์สินของลูกหนี้หรือสิทธิตามสัญญาที่มีภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/41 ทวิ นอกจากจะต้องระบุถึงทรัพย์สินและสิทธิตามสัญญาที่จะไม่ยอมรับในแผนฟื้นฟูกิจการหรือข้อเสนอขอแก้ไขแผน และจำต้องกระทำภายในกำหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันที่ผู้บริหารแผนทราบคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนหรือคำสั่งเห็นชอบด้วยข้อเสนอขอแก้ไขแผนแล้ว สิทธิตามสัญญาดังกล่าวยังจะต้องเป็นสัญญาที่มีผลใช้บังคับอยู่มิใช่ได้มีการไม่ยอมรับหรือบอกเลิกสัญญาดังกล่าวไปแล้ว เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงในชั้นปฏิบัติตามแผนที่ขอแก้ไขว่า สิทธิตามสัญญาจ้างผู้ร้องฉบับลงวันที่ 25 ตุลาคม 2539 ได้มีการบอกเลิกสัญญาไปแล้วตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2545 ตามสำเนาหนังสือเลิกจ้างและสำเนาประกาศของลูกหนี้ เอกสารหมาย ร.69 และ ร.70 และคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแรงงานกลางว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมหรือไม่ การที่ผู้บริหารแผนยื่นข้อเสนอขอแก้ไขแผนเพื่อที่จะขอใช้อำนาจไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาจ้างผู้ร้องดังกล่าวทั้งที่สัญญาไม่มีผลใช้บังคับแล้วเนื่องจากลูกหนี้ได้บอกเลิกสัญญาดังกล่าวไปแล้วจึงไม่ชอบด้วยมาตรา 90/41 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งของผู้บริหารแผนที่ไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาจ้างดังกล่าวมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share