คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1510/2551

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นนายอำเภอสองพี่น้องมีหน้าที่กำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลบางตาเถรให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของทางราชการ แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีที่มีคำสั่งให้ดำเนินการสอบสวนคุณสมบัติของ ก. ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลดังกล่าว และมิได้ดำเนินคดีอาญาและคดีแพ่งแก่ ก. ที่ได้ทำการแก้ไขและสอดแทรกโครงการในร่างข้อบังคับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2543 ขององค์การบริหารส่วนตำบลบางตาเถรโดยไม่มีอำนาจเป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการอันเป็นผลเสียหายแก่รัฐ มิได้ก่อให้เกิดความเสียหายหรือกระทบกระเทือนต่อสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ซึ่งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบางตาเถรโดยตรง โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหาย
องค์การบริหารส่วนตำบลบางตาเถรเป็นผู้เสียหายโดยตรงและผู้ที่จะดำเนินคดีอาญาแทนองค์การบริหารส่วนตำบลบางตาเถรเพื่อเอาผิดแก่ ก. ก็คือ ก. แต่ ก. ไม่ยอมดำเนินคดีแก่ตนเอง แต่โจทก์ซึ่งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบางตาเถรจะมีอำนาจฟ้อง ก. แทนองค์การบริหารส่วนตำบลบางตาเถรได้หรือไม่ เป็นคนละเรื่องกับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลย จึงไม่ทำให้โจทก์กลายเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบางตาเถร จำเลยดำรงตำแหน่งนายอำเภอสองพี่น้อง มีหน้าที่กำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของทางราชการ นับแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2545 ซึ่งจำเลยรับตำแหน่งนายอำเภอสองพี่น้องจนถึงวันฟ้อง จำเลยทราบว่าโจทก์และประชาชนในตำบลบางตาเถรร้องเรียนต่อจำเลยว่า นายกุมลัคน์ขณะดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลบางตาเถรกับพวกมีลักษณะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 มาตรา 47 ทวิ (2) ประกอบมาตรา 9 (10) และนายกุมลัคน์ยังได้แก้ไขเพิ่มเติมสอดแทรกโครงการจำนวน 20 โครงการในร่างข้อบังคับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2543 ขององค์การบริหารส่วนตำบลบางตาเถรที่สภาองค์การบริหารส่วนตำบลบางตาเถรได้พิจารณาลงมติเห็นชอบแล้ว ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีมีคำสั่งให้จำเลยพิจารณาสอบสวนคุณสมบัติของนายกุมลัคน์และได้ชี้มูลความผิดว่าการกระทำของนายกุมลัคน์เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 265, 157 และ 161 จำเลยทราบคำสั่งดังกล่าวแล้ว แต่เพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี และไม่ดำเนินคดีอาญาและคดีแพ่งแก่นายกุมลัคน์จึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้โจทก์ ประชาชนในตำบลบางตาเถรและราชการได้รับความเสียหาย ต้องสูญเสียงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2543 เพิ่มมากขึ้น และต้องเสียเงินค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนและเบี้ยประชุมให้แก่นายกุมลัคน์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงมีคำสั่งให้งดไต่สวนมูลฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์เป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้องหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า จำเลยมีหน้าที่กำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลบางตาเถรให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของทางราชการแต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีที่มีคำสั่งให้ดำเนินการสอบสวนคุณสมบัติของนายกุมลัคน์ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลดังกล่าว และมิได้ดำเนินคดีอาญาและคดีแพ่งแก่นายกุมลัคน์ซึ่งได้แก้ไขและสอดแทรกโครงการจำนวน 20 โครงการในร่างข้อบังคับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2543 ขององค์การบริหารส่วนตำบลบางตาเถรโดยไม่มีอำนาจ การกระทำของจำเลยเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ทำให้โจทก์ ประชาชนในตำบลบางตาเถรและทางราชการได้รับความเสียหายนั้น เห็นว่า หากข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามข้อกล่าวหาดังกล่าวก็เป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการของจำเลยอันเป็นผลเสียหายแก่รัฐ มิได้ก่อให้เกิดความเสียหายหรือกระทบกระเทือนต่อสิทธิและหน้าที่ของโจทก์โดยตรงแต่ประการใด โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหาย ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า องค์การบริหารส่วนตำบลบางตาเถรเป็นผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำของนายกุมลัคน์และผู้ที่จะดำเนินคดีแทนองค์การบริหารส่วนตำบลบางตาเถรเพื่อเอาผิดแก่นายกุมลัคน์ ก็คือ นายกุมลัคน์ไม่ยอมดำเนินคดีแก่ตนเอง โจทก์ในฐานะสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลบางตาเถรย่อมมีอำนาจฟ้องแทนองค์การบริหารส่วนตำบลบางตาเถรได้นั้น เห็นว่า การที่โจทก์จะมีอำนาจฟ้องนายกุมลัคน์แทนองค์การบริหารส่วนตำบลบางตาเถรได้หรือไม่ ก็เป็นคนละเรื่องกับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยตามที่โจทก์กล่าวหา จึงไม่ทำให้โจทก์กลายเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share