คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2551

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีก่อนคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคฟ้องคดีแทนผู้บริโภคทั้งหลายซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาซื้อขายบ้านและที่ดินกับจำเลยทั้งสอง แต่โจทก์ในคดีนี้มิใช่ลูกค้าหรือผู้ซื้อบ้านและที่ดินในโครงการของจำเลยทั้งสอง จึงไม่ใช่ผู้บริโภคที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคซึ่งเป็นโจทก์ในคดีก่อนได้ฟ้องคดีแทน กรณีจึงไม่อาจถือว่าคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้ฟ้องคดีแทนโจทก์คดีนี้ด้วย ย่อมไม่ไช่คู่ความรายเดียวกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำหรือฟ้องซ้อนกับคดีก่อนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148 และ 173 วรรคสอง (1)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองเปิดทางพิพาทบริเวณทางออกสู่ถนนวัดไผ่เงินให้มีความกว้าง 8 เมตร ยาวตลอดแนวทางออก โดยให้รื้อถอนเต้นท์ผ้าใบ 3 หลัง พร้อมสิ่งกีดขวางทั้งหมดออกจากทางพิพาทและทำให้ทางพิพาทกลับคืนสู่สภาพเดิม ถ้าหากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้โจทก์มีอำนาจจ้างบุคคลอื่นทำการรื้อถอนโดยให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนทั้งหมดและห้ามจำเลยทั้งสองยุ่งเกี่ยวหรือกระทำการใดๆ อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ในทางพิพาทอีกต่อไป
จำเลยทั้งสองให้การรับว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของโครงการหมู่บ้านไผ่เงินทาวน์เฮาส์พร้อมที่ดินพิพาท บริเวณที่ดินพิพาทที่ประชาชนรวมถึงโจทก์ผ่านเป็นทางเข้าออกหมู่บ้านและผ่านไปสู่ทางสาธารณะนี้ จำเลยทั้งสองหาได้มีเจตนาให้เป็นถนนสาธารณะไม่ และจำเลยที่ 2 ได้ที่ดินมาด้วยความสุจริตและชอบด้วยกฎหมายทุกประการ และหวงกันสงวนสิทธิเป็นที่ดินของจำเลยที่ 2 มาตลอด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันจัดทำโครงการ หมู่บ้านไผ่เงินทาวน์เฮาส์ ในที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 6775, 6872 และ 6873 ตำบลบางโคล่ (บ้านทวาย) อำเภอยานนาวา (บางรัก) กรุงเทพมหานคร ซึ่งปรับสภาพเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็กมีความกว้างประมาณ 8 เมตร เพื่อให้ประชาชนตลอดจนผู้อยู่ในโครงการใช้เป็นทางผ่านเข้าออกสู่ทางสาธารณะ โจทก์มิใช่ลูกค้าซื้อบ้านในโครงการของจำเลยทั้งสอง แต่โจทก์มีบ้านพักอาศัยอยู่ในซอยไผ่เงิน 26 ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับทางพิพาทและโจทก์ใช้ทางพิพาทออกสู่ถนนวัดไผ่เงินตลอดมา ต่อมาจำเลยทั้งสองได้ปิดกั้นทางพิพาทโดยนำเต็นท์ผ้าใบและไม้มากีดขวางทางออกสู่ถนนวัดไผ่เงินโดยจำเลยที่ 2 อ้างสิทธิการเป็นเจ้าของที่ดิน เป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถใช้ทางพิพาทได้ จึงฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ ก่อนคดีนี้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลชั้นต้นเป็นอีกคดีหนึ่งเพื่อให้เปิดทางพิพาทซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้เปิดทางพิพาทปรากฏตามสำเนาคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 5537/2549 ของศาลชั้นต้น ตามเอกสารหมาย จ.11 มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำหรือฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 5537/2549 ของศาลชั้นต้น หรือไม่ เห็นว่า ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 5537/2549 ของศาลชั้นต้นดังกล่าว คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคโดยพนักงานอัยการในฐานะเจ้าหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคเป็นโจทก์ฟ้องคดีแทนผู้บริโภคในกรณีที่ผู้บริโภคเหล่านั้นเข้าทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในโครงการของจำเลยทั้งสอง เนื่องจากผู้บริโภคพิจารณาแล้วเห็นว่ามีทางเข้าออกของโครงการตามที่จำเลยทั้งสองได้แจ้งไว้ในใบปลิวโฆษณาแต่จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามเอกสารโฆษณาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาจะซื้อจะขายอันเป็นการละเมิดสิทธิผู้บริโภคในโครงการ จึงขอบังคับให้จำเลยทั้งสองเปิดทางพิพาท ตามคำฟ้องของคดีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคฟ้องคดีแทนผู้บริโภคทั้งหลายซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาซื้อขายบ้านและที่ดินกับจำเลยทั้งสองเท่านั้น แต่โจทก์ในคดีนี้มิใช่ลูกค้าหรือผู้ซื้อบ้านและที่ดินในโครงการของจำเลยทั้งสอง โจทก์ในคดีนี้จึงไม่ใช่ผู้บริโภคที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคซึ่งเป็นโจทก์ในคดีก่อนได้ฟ้องคดีแทน กรณีจึงไม่อาจถือว่าคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคซึ่งเป็นโจทก์ในคดีก่อนได้ฟ้องคดีแทนโจทก์คดีนี้ด้วย ดังนั้นโจทก์ในคดีก่อนกับโจทก์ในคดีนี้ย่อมไม่ใช่คู่ความรายเดียวกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่ฟ้องซ้ำหรือฟ้องซ้อนกันคดีก่อน ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 และ 173 วรรคสอง (1) ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า คดีทั้งสองมีประเด็นแห่งคดีต่างกันนั้นก็ไม่จำต้องวินิจฉัยอีกต่อไป เพราะไม่เป็นเหตุให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำหรือฟ้องซ้อนกับคดีก่อน ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ย้อนสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาประเด็นข้อพิพาทในศาลชั้นต้นที่เหลือต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่

Share