คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4372/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

หนี้ตามหนังสือรับสภาพความรับผิดมีอายุความ 2 ปี นับแต่วันที่ได้รับสภาพความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/35ปรากฏว่าลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพความรับผิดในวันที่ 5 สิงหาคม 2536แต่เจ้าหนี้รายที่ 6 ยื่นฟ้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่งวันที่ 31 มกราคม 2539 ต่อมาได้ถอนฟ้องและนำหนี้มายื่นขอรับชำระหนี้ในคดีนี้ การที่เจ้าหนี้รายที่ 6 ฟ้องคดีดังกล่าวแล้วถอนฟ้องไม่เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงเมื่อเจ้าหนี้รายที่ 6 ยื่นคำขอรับชำระหนี้วันที่ 13 มิถุนายน 2539 จึงเป็นเวลาเกินกว่า 2 ปี นับแต่วันที่ได้รับสภาพความรับผิด หนี้รายนี้จึงขาดอายุความไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94(1)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2539 เจ้าหนี้รายที่ 6 ยื่นคำขอรับชำระหนี้ประเภทหนี้ตามสัญญารับสภาพความรับผิดเป็นเงิน 4,453,349.79 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 104 แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วเห็นว่า เจ้าหนี้รายที่ 6 นำมูลหนี้ซึ่งมิได้ใช้สิทธิเรียกร้องภายในกำหนดอายุความมายื่นขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงเป็นการดำเนินการภายหลังสิทธิเรียกร้องขาดอายุความแล้ว อันเป็นมูลหนี้ที่ต้องห้ามมิให้ได้รับชำระหนี้ตามมาตรา 94(1) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ประกอบมาตรา 1002 และมาตรา 193/35 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เห็นควรยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายที่ 6 เสียทั้งสิ้น ตามมาตรา 107(1)แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายที่ 6
เจ้าหนี้รายที่ 6 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
เจ้าหนี้รายที่ 6 ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า ลูกหนี้ได้ซื้อปุ๋ยเคมีจากเจ้าหนี้รายที่ 6 ไปหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 1,734,300 บาท โดยกำหนดชำระค่าปุ๋ยที่ซื้อไปครั้งสุดท้ายภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2528 เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระลูกหนี้ไม่ได้ชำระเงินให้แก่เจ้าหนี้รายที่ 6 ต่อมาวันที่ 5 สิงหาคม 2536 ลูกหนี้ทำหนังสือสัญญารับสภาพความรับผิดต่อเจ้าหนี้รายที่ 6 ยอมชำระเงินจำนวน 1,734,300 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ซึ่งลูกหนี้ได้จ่ายเช็คลงวันที่ล่วงหน้ามอบให้แก่เจ้าหนี้รายที่ 6 รวม 4 ฉบับ ปรากฏว่าธนาคารได้ปฏิเสธการชำระเงินตามเช็คทั้ง 4 ฉบับ เจ้าหนี้รายที่ 6 จึงฟ้องเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ต่อศาลชั้นต้นขณะคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นเจ้าหนี้รายที่ 6 ทราบว่าลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจึงมายื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีนี้เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2539 และขอถอนฟ้องในคดีแพ่งดังกล่าว มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของเจ้าหนี้รายที่ 6 ว่า หนี้ตามคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายที่ 6 ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า หนี้ตามหนังสือสัญญารับสภาพความรับผิดมีอายุความ 2 ปี นับแต่วันที่ได้รับสภาพความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/35 ปรากฏว่าลูกหนี้ทำหนังสือสัญญารับสภาพความรับผิดในวันที่ 5 สิงหาคม 2536 แต่เจ้าหนี้รายที่ 6 ยื่นฟ้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่งวันที่ 31 มกราคม 2539 ต่อมาได้ถอนฟ้องและนำหนี้มายื่นขอรับชำระหนี้ในคดีนี้ การที่เจ้าหนี้รายที่ 6 ฟ้องคดีดังกล่าวแล้วถอนฟ้องไม่เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง เมื่อเจ้าหนี้รายที่ 6 ยื่นคำขอรับชำระหนี้วันที่ 13 มิถุนายน 2539 จึงเป็นเวลาเกินกว่า 2 ปี นับแต่วันที่ได้รับสภาพความรับผิด หนี้รายนี้จึงขาดอายุความ ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94(1) ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายที่ 6 และศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของเจ้าหนี้รายที่ 6 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share