คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1702/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ตาม ป.วิ.พ มาตรา 316, 318 และ 322 เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหลังจากมีการจำหน่ายทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว คือการจัดทำบัญชีแสดงรายการรับ – จ่าย และการจ่ายเงินตามบัญชีแสดงรายรับ – จ่ายโดยเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดทำรายการรับ – จ่าย เสร็จแล้วก็ต้องดำเนินการให้มีการจ่ายตามบัญชีนั้นต่อไป ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดียังมีหน้าที่ต้องปฏิบัติโดยมีคำสั่งหรือดำเนินการใดเพื่อให้มีการจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้แก่จำเลย เช่น ส่งบัญชีแสดงรายการรับ – จ่าย ให้จำเลยทราบแล้ว จึงจะถือว่าเงินส่วนที่เหลือนั้นเป็นเงินค้างจ่ายอยู่ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีที่ผู้มีสิทธิต้องเรียกร้องเอาภายใน 5 ปี ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 323
ผู้ร้องซึ่งเป็นบิดาของจำเลยร้องขอ และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยเป็นคนสาบสูญเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2543 โดยในชั้นพิจารณาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ เนื่องจากเจ้าพนักงานศาลรายงานผลการส่งหมายว่าจำเลยออกไปจากบ้านนานแล้ว ส่วนการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีนี้ขอให้ศาลส่งบัญชีทรัพย์แสดงรายการรับ – จ่ายให้จำเลยทราบพร้อมแจ้งให้จำเลยมารับเงินส่วนที่เหลือคืน 2 ครั้ง โดยวิธีปิดหมายที่ภูมิลำเนาของจำเลยอีกแห่งหนึ่ง เจ้าพนักงานศาลผู้ส่งหมายก็รายงานว่าจำเลยออกจากบ้านไปนานแล้ว ทั้งในขณะนั้นเป็นระยะเวลาที่จำเลยไปเสียจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่โดยไม่มีใครรู้เห็นว่าจำเลยยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้ไม่อยู่ได้ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีให้จำเลยมารับเงินส่วนที่เหลือแล้วเมื่อผู้ร้องในฐานะผู้จัดการมรดกของจำเลยเรียกเอาในวันที่ 30 มิถุนายน 2543 จึงยังไม่พ้นระยะเวลา 5 ปี นับแต่ปลายเดือนตุลาคม 2542 อันเป็นวันที่ผู้ร้องทราบว่ามีเงินที่จำเลยมีสิทธิได้รับคืนค้างจ่ายอยู่ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งผู้ร้องมีสิทธิเรียกเอาได้ เงินจำนวนดังกล่าวจึงยังไม่ตกเป็นของแผ่นดินตาม ป.วิ.พ. มาตรา 323

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์ โจทก์จึงขอบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 15139 และเลขที่ 22720 ถึง 22727 ตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี ของจำเลย และนำออกขายทอดตลาดได้เงินทั้งสิ้น 1,454,000 บาท ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จแล้วคงมีเงินเหลือเพื่อคืนให้จำเลยอีก 989,349.50 บาท เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2543 ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของจำเลยยื่นคำแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขอรับเงินดังกล่าวคืน เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งว่า ผู้ร้องมาขอรับเงินส่วนที่เหลือเกินกว่า 5 ปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323 เงินดังกล่าวจึงตกเป็นของแผ่นดิน เห็นควรนำเงินดังกล่าวส่งเป็นรายได้ของแผ่นดินต่อไป
ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีหมายแจ้งให้จำเลยมารับเงินส่วนที่เหลือคืนโดยวิธีปิดหมายเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2536 ซึ่งเวลาดังกล่าวจำเลยเป็นคนสาบสูญแล้ว เนื่องจากจำเลยไปจากภูมิลำเนาและไม่มีใครรู้แน่ว่ามีชีวิตอยู่หรือไม่ตั้งแต่ปี 2527 ถือได้ว่าจำเลยมิได้รับหมายและยังไม่ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี ผู้ร้องทราบว่าจำเลยมีสิทธิได้รับเงินจำนวนดังกล่าวคืนเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2542 ย่อมมีอำนาจร้องขอคืนเงินดังกล่าวได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องมีว่า ผู้ร้องมีสิทธิขอเงินค้างจ่าย 989,349.51 บาท อยู่ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีคืนหรือไม่ เห็นว่า เมื่อมีการจำหน่ายทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 316 กำหนดให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหน้าที่ต้องจัดทำบัญชีรายละเอียดแสดงจำนวนเงินทั้งหมดที่ได้มาจากการจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อจัดสรรหรือแบ่งเฉลี่ยเงินให้แก่ผู้มีสิทธิ และตามมาตรา 318 ในกรณีที่มีเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแต่คนเดียวร้องขอให้บังคับคดี เมื่อได้หักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีไว้แล้วให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินตามจำนวนหนี้ในคำพิพากษาและค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้องให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเพียงเท่าที่รายได้จำนวนสุทธิจะพอแก่การที่จะจ่ายให้ได้ และหากยังมีเงินเหลืออยู่ภายหลังจากนั้น มาตรา 322 วรรคสองกำหนดให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินรายได้ส่วนที่เหลือให้แก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา ดังนั้น ตามบทบัญญัติดังกล่าว เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหลังจากมีการจำหน่ายทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว คือการจัดทำบัญชีแสดงรายการรับ – จ่าย และการจ่ายเงินตามบัญชีแสดงรายการรับ – จ่าย โดยเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดทำบัญชีแสดงรายรับ – จ่ายเสร็จแล้วก็ต้องดำเนินการให้มีการจ่ายเงินตามบัญชีนั้นต่อไป ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดียังมีหน้าที่ต้องปฏิบัติโดยมีคำสั่งหรือดำเนินการใดเพื่อให้มีการจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้แก่จำเลย เช่น ส่งบัญชีแสดงรายการรับ -จ่ายให้จำเลยทราบแล้ว จึงจะถือว่าเงินส่วนที่เหลือนั้นเป็นเงินค้างจ่ายอยู่ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีที่ผู้มีสิทธิต้องเรียกร้องเอาภายใน 5 ปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323 การปฏิบัติในเรื่องดังกล่าวหาใช่เป็นเพียงการอำนวยความสะดวกให้แก่จำเลยดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยไม่ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่มีคำสั่งให้จำเลยเป็นคนสาบสูญ เอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 4 ว่า จำเลยหายไปจากบ้านตั้งแต่ปี 2527 โดยไม่มีผู้ใดพบเห็นอีกเลย ผู้ร้องซึ่งเป็นบิดาจำเลยได้ยื่นคำร้องขอและศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยเป็นคบสาบสูญเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2543 หลังจากนั้นผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของจำเลยซึ่งเป็นคนสาบสูญ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของจำเลยในวันที่ 2 มิถุนายน 2543 ทั้งในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ เนื่องจากเจ้าพนักงานศาลผู้ส่งหมายรายงานผลการส่งหมายในวันที่ 7 มิถุนายน 2534 ว่า จำเลยออกจากบ้านไปนานแล้ว ส่วนการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขอให้ศาลส่งบัญชีทรัพย์แสดงรายการรับ – จ่าย ให้จำเลยทราบพร้อมทั้งแจ้งให้จำเลยมารับเงินส่วนที่เหลือคืน 2 ครั้ง โดยวิธีปิดหมายที่ภูมิลำเนาของจำเลยอีกแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2534 และวันที่ 16 พฤษภาคม 2536 เจ้าพนักงานศาลผู้ส่งหมายก็รายงานทำนองเดียวกันว่าจำเลยออกจากบ้านไปนานแล้ว ทั้งขณะนั้นก็เป็นระยะเวลาที่จำเลยไปเสียจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่โดยไม่มีใครรู้เห็นว่าจำเลยยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้ไม่อยู่ได้ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ให้จำเลยมารับเงินส่วนที่เหลือแล้ว เมื่อผู้ร้องในฐานะผู้จัดการมรดกของจำเลยเรียกเอาในวันที่ 30 มิถุนายน 2543 จึงยังไม่พ้นระยะ 5 ปี นับแต่ปลายเดือนตุลาคม 2542 อันเป็นวันที่ผู้ร้องทราบว่ามีเงินที่จำเลยมีสิทธิได้รับคืนค้างจ่ายอยู่ที่ เจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งผู้ร้องมีสิทธิเรียกร้องเอาได้ เงินจำนวนดังกล่าวจึงยังไม่ตกเป็นของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323 ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษากลับ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่ค้างจ่าย 989,349.51 บาท ให้แก่ผู้ร้อง

Share