แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของ โจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 อีกทั้งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่นั่งพิจารณาคดีนี้ในศาลอุทธรณ์ ไม่รับรองให้โจทก์ฎีกาได้ จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ คืนค่าขึ้นศาล
โจทก์ทั้งสองเห็นว่า ฎีกาที่ว่า จำเลยใช้สิทธิไม่สุจริตมิได้มีเจตนาครอบครองบ้านและที่ดินพิพาทเพื่อตนโดยมีเจตนา ที่จะเป็นเจ้าของ จำเลยจึงไม่มีสิทธิครอบครองและเอกสารหมาย ล.1 ถึง ล.3 ไม่ใช่เอกสารที่แสดงว่าโจทก์ได้ขายที่พิพาทให้จำเลย ไม่มีผลตามกฎหมายและไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกา ของโจทก์ทั้งสองด้วย
หมายเหตุ จำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 97)
โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารขนย้ายครอบครัว และสิ่งของออกไปจากบ้านเลขที่ 9 หมู่ที่ 8ตำบลสระสี่เหลี่ยม อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ของโจทก์ ให้จำเลยรับเงินจำนวน30,000 บาท ที่โจทก์กู้จากมารดาจำเลยและให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย แก่โจทก์เดือนละ 5,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่า จำเลยจะออกไปจากบ้านและที่ดินของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 81)
โจทก์ทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 89)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ที่ 1ได้ขายบ้านและที่ดินพิพาทให้จำเลยแล้ว จำเลยจึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองบ้านและที่ดินพิพาท ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยแจ้งการ ครอบครองบ้านและที่ดินพิพาทต่อเจ้าหน้าที่โดยไม่สุจริตจำเลยไม่ได้มีเจตนาครอบครองบ้านและที่ดินพิพาทเพื่อตนและว่าเอกสารหมาย ล.1 ถึง ล.3 ไม่ใช่เอกสารที่แสดงว่าโจทก์ ขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย หากศาลรับฟังว่าเป็นการซื้อขาย ก็ไม่มีผลตามกฎหมายและไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 นั้น ฎีกาจำเลยเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟัง พยานหลักฐานของศาล อันเป็นข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา จำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง