คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2167/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์ได้ระบุไว้แล้วว่านอกจากจำเลยจะกระทำความผิดในคดีนี้แล้ว ยังได้กระทำความผิดโดยถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7354/2544 ของศาลชั้นต้นด้วย และคำขอท้ายฟ้องได้ขอให้นับโทษคดีนี้ต่อจากโทษในคดีดังกล่าว เมื่อศาลชั้นต้นสอบคำให้การจำเลย จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ จึงถือว่าจำเลยรับว่าได้กระทำผิดจริงและเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อด้วย และสำหรับคดีที่โจทก์ฟ้องในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือจำหน่ายโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 66 กำหนดโทษขั้นต่ำ จำคุก 4 ปี ซึ่งเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง โจทก์ไม่จำต้องสืบพยานประกอบตาม ป.วิ.อ. มาตรา 176 ฉะนั้น ศาลจึงลงโทษและนับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7354/2544 ของศาลชั้นต้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 97 เพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายและนับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7354/2544 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 จำคุก 1 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97 เป็นจำคุก 1 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 9 เดือน ให้นับโทษต่อจากโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีหมายเลขแดงที่ 7354/2544 ของศาลชั้นต้น
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทที่มีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 4 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97 เป็นจำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี ยกคำขอให้นับโทษของจำเลยต่อจากโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีหมายเลขแดงที่ 7354/2544 ของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ศาลจะลงโทษและนับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7354/2544 ของศาลชั้นต้นได้หรือไม่ เห็นว่า ตามฟ้องโจทก์ได้ระบุไว้แล้วว่านอกจากจำเลยจะกระทำความผิดในคดีนี้แล้ว จำเลยยังได้กระทำความผิดโดยถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7354/2544 ของศาลชั้นต้นด้วย และคำขอท้ายฟ้องได้ขอให้นับโทษคดีนี้ต่อจากโทษในคดีดังกล่าว เมื่อศาลชั้นต้นสอบคำให้การจำเลยตามคำให้การลงวันที่ 12 ธันวาคม 2545 จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ จึงต้องถือว่าจำเลยรับว่าได้กระทำผิดจริง และเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อด้วย และสำหรับคดีที่โจทก์ฟ้องในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือจำหน่ายโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 กำหนดโทษขั้นต่ำ จำคุก 4 ปี ซึ่งเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง โจทก์ไม่จำต้องสืบพยานประกอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 ฉะนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษจำเลยต่อจากโทษจำเลยที่ 2 ในคดีหมายเลขแดงที่ 7354/2544 ของศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7354/2544 ของศาลชั้นต้นด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share