คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยถูกจับกุมโดยไม่ทันรู้ตัว หากจำเลยเป็นเจ้าของอาวุธปืนสั้นจริง จำเลยน่าจะพกติดตัวไว้หรือเหวี่ยงอาวุธปืนสั้นทิ้งเมื่อจวนตัว จึงไม่มีเหตุผลอันใดที่จำเลยจะต้องนั่งทับอาวุธปืนสั้นไว้ดังที่โจทก์นำสืบ นอกจากนี้จำเลยก็มีอาวุธปืนลูกซองยาวชนิดกึ่งอัตโนมัติบรรจุ 5 นัด ซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงไว้ป้องกันตัวอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีอาวุธปืนสั้นอีก และถ้าจำเลยถูกจับพร้อมอาวุธปืนสั้นจริงจำเลยน่าจะรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานของกลางเช่นเดียวกับอาวุธปืนยาว แต่จำเลยกลับให้การปฏิเสธตั้งแต่ในชั้นจับกุมตลอดมาจนชั้นสอบสวน พยานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักมั่นคงที่จะฟังว่าสินตำรวจตรี ป.กับพวกได้จับกุมจำเลยพร้อมกับอาวุธปืนสั้นซึ่งบรรจุกระสุน 3 นัด รูปคดีมีเหตุสงสัยตามสมควร ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสองจำเลยไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนสั้นโดยมีได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนสั้นโดยไม่มีใบอนุญาต

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371, 91, 32 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองให้ลงโทษตามมาตรา 72 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี กระทงหนึ่งฐานพาอาวุธปืน ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 6 เดือน อีกกระทงหนึ่งรวมลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน คำรับของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง เห็นสมควรลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปีริบเฉพาะอาวุธปืนสั้นและกระสุนปืนของกลาง คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลย 1,200 บาทอีกสถานหนึ่ง สำหรับความผิดฐานพาอาวุธปืนยาวติดตัวไปในหมู่บ้านโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 8 ทวิ วรรคแรก, 72 ทวิ วรรคแรก (ที่ถูกวรรคสอง) ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 800 บาท และโทษจำคุกให้รอการลงโทษจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้ยกฟ้องโจทก์ สำหรับข้อหามีอาวุธปืนสั้นโดยมิได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนสั้นโดยไม่มีใบอนุญาต นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยมีความผิดฐานมีอาวุธปืนสั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนสั้นโดยไม่มีใบอนุญาตหรือไม่ โจทก์มีสิบตำรวจตรีประจักร สาวทรัพย์ และพลตำรวจชัยวัฒน์ ห่านตระกูล เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับเบิกความเป็นประจักษ์พยานว่า เมื่อไปถึงที่ถึงที่เกิดเหตุพบจำเลยนั่งอยู่มีพิรุธถืออาวุธปืนลูกซองยาวขนาดบรรจุ 5 นัด มีหมายเลขทะเบียนแต่เลอะเลือนและเมื่อจำเลยยืนขึ้น ยังพบอาวุธปืนสั้น 1 กระบอก บรรจุกระสุน 3 นัด ที่จำเลยนั่งทับไว้เป็นอาวุธปืนไม่มีทะเบียนชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน จำเลยให้การรับสารภาพว่ามีอาวุธปืนยาวไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนยาวโดยไม่มีใบอนุญาตจริง จำเลยนำสืบต่อสู้ว่า อาวุธปืนลูกซองยาวเป็นของจำเลย ส่วนอาวุธปืนสั้นจำเลยไม่รู้เรื่องโดยมีนายสนั่น ชอบเรียบร้อย เจ้าของวัวที่จำเลยรับจ้างเลี้ยงและนายวารินทร์ ถนอมพุดซา พยานจำเลยเบิกความสนับสนุนว่าขณะเกิดเหตุนั่งคุยอยู่กับจำเลย จำเลยไม่มีอาวุธปืนสั้นแต่อย่างใดและเบิกความต่อไปว่า ประจักษ์พยานโจทก์ที่มาจับกุมจำเลยคนหนึ่งรูปร่างสูง ใส่เสื้อลาย สวมกางเกงยีนส์ถืออาวุธปืนสั้นคล้ายอาวุธปืนของกลางอีกคนรูปร่างเตี้ยใส่เสื้อขาว สวมกางเกงยีนส์ และสวมหมวกคนทั้งสองใส่แว่นตาดำ พากันมาถามหาซื้อวัว ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยถูกจับกุมโดยไม่ทันรู้ตัว หากจำเลยเป็นเจ้าของอาวุธปืนสั้นจริงจำเลยน่าจะพกติดตัวไว้หรือเหวี่ยงอาวุธปืนสั้นทิ้งเมื่อจวนตัวจึงไม่มีเหตุผลอันใดที่จำเลยต้องนั่งทับอาวุธปืนสั้นไว้ นอกจากนี้จำเลยมีอาวุธปืนลูกซองยาวชนิดกึ่งอัตโนมัติบรรจุ 5 นัด ซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงไว้ป้องกันตัวอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีอาวุธปืนสั้นอีก และถ้าจำเลยถูกจับพร้อมอาวุธปืนสั้นจริงจำเลยน่าจะรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานของกลางเช่นเดียวกับอาวุธปืนยาว แต่จำเลยกลับให้การปฏิเสธตั้งแต่ในชั้นจับกุมตลอดมาจนชั้นสอบสวน พยานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักมั่นคงที่จะฟังว่าสิบตำรวจตรีประจักรกับพวกได้จับกุมจำเลยพร้อมกับอาวุธปืนสั้นซึ่งบรรจุกระสุน 3 นัด รูปคดีมีเหตุสงสัยตามสมควร ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 วรรคสอง”
พิพากษายืน

Share