คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3865/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยเฉพาะข้อหาที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยโจทก์และจำเลยมิได้อุทธรณ์ในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จึงต้องถือว่าโจทก์พอใจคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ลงโทษจำเลยในข้อหาดังกล่าวแล้ว ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้โทษจำเลยในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายเป็นไม่รอการลงโทษและไม่ลงโทษปรับจำเลย จึงเป็นการไม่ชอบเพราะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยอันเป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 67, 91, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและเสพเมทแอมเฟตามีน แต่ข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57, 91 ให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน และปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน และปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้คุมความประพฤติของจำเลยโดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 6 เดือนต่อครั้ง มีกำหนด 1 ปี ให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์เป็นเวลา 12 ชั่วโมง และเข้ารับการบำบัดรักษาการติดยาเสพติดให้โทษตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควร ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทุกประเภท ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 57, 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่), 91 (เดิมและที่แก้ไขใหม่) ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุก 4 ปี คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน รวมสองกระทงเป็นจำคุก 4 ปี 8 เดือน ไม่รอการลงโทษไม่ปรับในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน และไม่คุมความประพฤติของจำเลย เมื่อรวมกับโทษฐานเสพเมทแอมเฟตามีนจำคุก 3 เดือนแล้ว เป็นจำคุกทั้งสิ้น 4 ปี 11 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว สำหรับข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว จำเลยไม่อุทธรณ์ คงมีโจทก์อุทธรณ์เกี่ยวกับข้อหาอื่น แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 จะพิพากษาแก้ข้อหานี้เป็นไม่รอการลงโทษไม่ปรับและไม่คุมความประพฤติ ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิจำเลยที่จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง การที่จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์ปล่อยตัวจำเลยพ้นข้อกล่าวหาเท่ากับฎีกาขอให้ยกฟ้องข้อหานี้ด้วย จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาข้อนี้ของจำเลย คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีร้อยตำรวจเอกธเนศ วิบูลย์เกียรติ จ่าสิบตำรวจวีระ เดชพลกรัง เบิกความว่า พยานกับพวกสืบทราบว่าจำเลยมีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จึงวางแผนจับกุมโดยนำธนบัตรฉบับละ 100 บาท จำนวน 2 ฉบับ ไปถ่ายสำเนาและลงบันทึกในรายงานประจำวันไว้แล้วร่วมกันเดินทางไปยังบริเวณทางแยกเข้าบ้านริมดอย ห่างจากจุดที่จำเลยขายยาเสพติดประมาณ 50 เมตร ร้อยตำรวจเอกธเนศมอบธนบัตรดังกล่าวให้สายลับไปทำการล่อซื้อประมาณ 5 นาที สายลับนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 เม็ด มามอบให้ แจ้งว่าซื้อมาจากจำเลยซึ่งขณะนั้นสวมเสื้อลายพรางทหาร สวมกางเกงสีกรมท่า นั่งคร่อมรถจักรยานยนต์อยู่ พยานทั้งสองจึงนำกำลังตำรวจเข้าไปที่บริเวณดังกล่าวพบจำเลยแต่งกายตรงกับที่สายลับแจ้งกำลังนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ จึงแสดงตัวขอตรวจค้นพบธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อทั้งสองฉบับ และพบเมทแอมเฟตามีน 4 เม็ด จำเลยรับว่าเมทแอมเฟตามีน 4 เม็ด นั้นเป็นของจำเลยมีไว้เพื่อจำหน่าย ส่วนเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ที่สายลับซื้อได้นั้น จำเลยรับว่าเป็นของจำเลยที่เพิ่งจำหน่ายไป เห็นว่า ทั้งร้อยตำรวจเอกธเนศและจ่าสิบตำรวจวีระต่างเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติตามหน้าที่ไม่ปรากฏว่ามีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจะเบิกความกลั่นแกล้งให้จำเลยต้องได้รับโทษ พยานโจทก์ทั้งสองร่วมกันวางแผนล่อซื้อเพื่อจับกุมจำเลย โดยอยู่ห่างจากจุดที่ล่อซื้อประมาณ 50 เมตร ได้เข้าจับกุมจำเลยทันทีที่สายลับนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 เม็ด มามอบให้โดยแจ้งว่าล่อซื้อได้จากจำเลย เมื่อพยานทั้งสองตรวจค้นตัวจำเลยก็พบเมทแอมเฟตามีนอีก 4 เม็ดและธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อทั้งสองฉบับในกระเป๋าเสื้อของจำเลย ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยก็ให้การรับสารภาพได้นำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพตามเอกสารหมาย ป.จ.3 (ศาลจังหวัดพล) โจทก์ยังมีพันตำรวจตรีพงศ์ยุทธ แก้วดอนรี พนักงานสอบสวน มาเบิกความยืนยันว่า จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนและได้นำพยานไปชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพซึ่งตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาเอกสารหมาย ป.จ.1 (ศาลจังหวัดพล) มีรายละเอียดเกี่ยวกับตัวจำเลย และพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิด หากจำเลยไม่ได้เป็นผู้ให้การไว้ก็ยากที่พนักงานสอบสวนจะแต่งขึ้นเองได้ ในชั้นพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ทั้งยังนำสืบว่าว่าเกิดเหตุมีชายคนหนึ่งใช้ให้จำเลยไปซื้อเมทแอมเฟตามีนให้โดยให้เงินมา 3,600 บาท จำเลยจะได้เปอร์เซ็นต์จากการซื้อเมทแอมเฟตามีนครั้งนี้ 600 บาท จำเลยยืมรถจักรยานยนต์ชายดังกล่าวไปซื้อเมทแอมเฟตามีนจากนายโจ้หรือศักรินทร์ สีดา แต่ไม่พบจึงจอดรถรออยู่หน้าบ้าน ก็มีเจ้าพนักงานตำรวจมาจับกุมเสียก่อน พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวแม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นขณะจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ และสายลับไม่ได้มาเบิกความ แต่พยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีที่โจทก์นำสืบดังกล่าวมาแล้ว เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยในข้อหานี้แล้ว มีน้ำหนักมั่นคงฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่า จำเลยได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 เม็ด ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ และเจ้าพนักงานตำรวจยังยึดได้เมทแอมเฟตามีนอีก 4 เม็ดจากจำเลย ซึ่งจำเลยก็รับต่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย พยานหลักฐานโจทก์ประกอบกับพฤติการณ์ที่เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้ในทันทีหลังจากจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 เม็ด ให้สายลับผู้ล่อซื้อ จึงฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 4 เม็ด ที่ยังเหลืออยู่ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย พยานหลักฐานที่จำเลยนำสืบคงมีตัวจำเลยเบิกความว่าให้การรับสารภาพเพราะถูกเจ้าพนักงานตำรวจใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะไม่ให้หายใจที่สถานีตำรวจนั้น เป็นข้อกล่าวอ้างที่เลื่อนลอยปราศจากหลักฐานไม่พอฟังหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง สำหรับข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายนั้น การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57, 91 ให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน และปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือนและปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และคุมความประพฤติของจำเลยไว้ ยกฟ้องโจทก์ข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยเฉพาะข้อหาที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องดังกล่าว โดยโจทก์และจำเลยมิได้อุทธรณ์ในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายแต่อย่างใด จึงต้องถือว่าโจทก์พอใจคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ลงโทษจำเลยในข้อหาดังกล่าวแล้ว ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้โทษจำเลยในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายเป็นไม่รอการลงโทษและไม่ลงโทษปรับจำเลย จึงเป็นการไม่ชอบ เพราะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยอันเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 และเนื่องจากในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้มีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 26 ยกเลิกความในมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และให้ใช้ข้อความใหม่แทน ซึ่งความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน ตามมาตรา 91 ที่แก้ไขใหม่มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แตกต่างจากบทบัญญัติเดิมที่มีโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงหนึ่งแสนบาท จึงต้องถือว่ากฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างจากกฎหมายที่ใช้ในภายหลังกระทำความผิด และกฎหมายที่ใช้ในภายหลังกระทำความผิดเป็นคุณมากกว่าในส่วนที่เกี่ยวกับโทษซึ่งมีหลายสถานที่จะลงได้ เมื่อศาลลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานอื่นแล้ว จึงเห็นควรลงโทษปรับจำเลยเพียงสถานเดียว โดยโทษปรับขั้นต่ำตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่มีระวางโทษสูงกว่าโทษปรับขั้นต่ำตามกฎหมายเดิม โทษปรับขั้นต่ำตามกฎหมายเดิมเป็นคุณมากกว่า แต่โทษปรับขั้นสูงตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่เป็นคุณมากกว่า ดังนั้น โทษปรับที่จะลงแก่จำเลยอยู่ในระดับที่ใช้กฎหมายในขณะกระทำความผิดหรือใช้กฎหมายที่ใช้ในภายหลังกระทำความผิดก็ได้ เช่นนี้ เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วจึงให้ใช้กฎหมายในขณะกระทำความผิดบังคับแก่จำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยมิได้ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225”
พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนให้ลงโทษปรับจำเลยเพียงสถานเดียว 5,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 2,500 บาท เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุก 4 ปี 8 เดือน และปรับ 2,500 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share