แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ป.วิ.พ. มาตรา 229 บัญญัติว่า การอุทธรณ์นั้นให้ทำเป็นหนังสือยื่นต่อศาลชั้นต้นซึ่งมีคำพิพากษาหรือคำสั่งภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น และผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์นั้นด้วย… ดังนั้น เมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษาของศาลชั้นต้น นอกจากจะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามตาราง 1 ท้าย ป.วิ.พ. แล้ว จำเลยยังต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของมาตรา 229 กล่าวคือต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ด้วย จำเลยอุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามสัญญากู้เงินจำนวน 1,496,331.64 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 21 ต่อปี ของต้นเงิน 942,347.99 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องคดีนี้เป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์ หากไม่ชำระขอให้บังคับคดีเอากับทรัพย์จำนองและทรัพย์สินอื่นของจำเลยจนกว่าจะชำระหนี้จนครบถ้วน จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง ระหว่างพิจารณาในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้โจทก์ส่งพยานเอกสารแทนการสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 942,347.99 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14.75 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2540 จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2541 และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15.75 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2541 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2543 ซึ่งเป็นวันฟ้องต้องไม่เกิน 553,983.65 บาท ตามที่โจทก์ขอ หากไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนให้ยึดห้องชุดเลขที่ 668/32 ชั้นที่ 3 อาคารเลขที่ 688 ชื่ออาคารชุด วิวิดทาวเวอร์ตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 171320 ตำบลสวนหลวง อำเภอสวนหลวง กรุงเทพมหานคร นำออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ หากได้เงินสุทธิไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดชำระหนี้จนครบถ้วน กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาและคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยไม่ได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลให้ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ ไม่รับอุทธรณ์ คืนค่าขึ้นศาลให้จำเลย
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 จึงมีคำสั่งให้ผู้อุทธรณ์นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้จำเลยนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายใน 15 วัน
ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า จำเลยอุทธรณ์โดยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 มาวางศาล จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงปรากฏตามสำนวนว่าจำเลยอุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มาจำนวน 200 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เนื่องจากจำเลยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงประการเดียวว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยและคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า จำเลยอุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มา 200 บาท ตามตารางท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 บัญญัติว่า การอุทธรณ์นั้นให้ทำเป็นหนังสือยื่นต่อศาลชั้นต้นซึ่งมีคำพิพากษาหรือคำสั่งภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น และผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์นั้นด้วย… ดังนั้น เมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนอกจากจะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามตาราง 1 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว จำเลยยังต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของมาตรา 229 กล่าวคือต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ด้วย จำเลยอุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยมาจึงชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ