แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คืนเกิดเหตุเวลาประมาณเที่ยงคืน ผู้เสียหายรู้ว่าได้มีคนร้ายลักกระบือของผู้เสียหายไป ผู้เสียหายกับพวกได้ออกติดตามไป ผู้เสียหายกับพวกได้ออกติดตามไปเป็นระยะทาง 7 กิโลเมตร จึงทันจำเลยกับพวกที่ลักกระบือกำลังจูงกระบือไป ผู้เสียหายกับพวกไม่ทราบว่าคนร้ายคนใดมีอาวุธปืนและใช้ยิงมาทางผู้เสียหาย 1 นัด ผู้เสียหายจึงยิงไปทางคนร้าย 1 นัด กระสุนปืนถูกคนร้ายคนหนึ่ง ทราบภายหลังว่าเป็นจำเลย การใช้กำลังประทุษร้ายได้เกิดขึ้นหลังจากการลักทรัพย์ได้ขาดตอนไปแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ มิใช่ความผิดฐานชิงทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีอาวุธปืนติดตัวชิงทรัพย์กระบืออันเป็นสัตว์ซึ่งมีไว้สำหรับประกอบกสิกรรมของผู้เสียหายผู้มีอาชีพกสิกรรม และใช้ปืนยิงพยายามฆ่าผู้เสียหายกับพวก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 340 ตรี, 289, 80, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติ (ฉบับที่ 11) ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14 ข้อ 15
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339, 340 ตรี, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติ (ฉบับที่ 11) ลงวันที่ 21พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14, 15 จำคุก 15 ปี ข้อหาอื่นให้ยก ยกฟ้องจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง และมาตรา 83 จำคุก 10 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า รูปคดีเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนร้ายคนหนึ่งที่ลักและจูงกระบือของผู้เสียหายมาในคืนเกิดเหตุ ผู้เสียหายรู้เมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืน ผู้เสียหายกับพวกติดตามมาเป็นระยะทาง 7 กิโลเมตรจึงทัน และจำเลยที่ 1 กับพวกไม่ยอมหยุดตามที่ผู้เสียหายร้องสั่ง ผู้เสียหายกับพวกไม่ทราบว่าคนร้ายคนใดมีอาวุธปืน และใช้ยิงมาทางผู้เสียหาย 1 นัด ผู้เสียหายจึงยิงไปทางคนร้าย 1 นัด กระสุนปืนถูกคนร้ายคนหนึ่งซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นจำเลยที่ 1 การใช้กำลังประทุษร้ายได้เกิดขึ้นหลังจากการลักทรัพย์ได้ขาดตอนไปแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ มิใช่ความผิดฐานชิงทรัพย์
พิพากษาแก้ เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1) (7) (12) ให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์