แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บสาหัสทางพิจารณาได้ความว่า มีการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และโจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสจากการชุลมุนต่อสู้นั้น เป็นเรื่องข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง เพราะขาดข้อเท็จจริงอันเป็นข้อสารสำคัญเป็นองค์ความผิดหาใช่เพียงแตกต่างกันในรายละเอียดที่ต้องกล่าวมาในฟ้องเท่านั้นไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ร่วมกันทำร้ายร่างกายนางฟูตี้ แซ่ผู่ตาบอดทุพพลภาพตลอดชีวิต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นางสงกรานต์ผู้เดียวมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 299 ให้จำคุกนางสงกรานต์ 6 เดือน ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก
โจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง
อัยการโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องบรรยายข้อเท็จจริงเป็นสารสำคัญว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วม แต่ทางพิจารณาได้ความเพียงว่านางสงกรานต์จำเลยคนหนึ่งชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป โจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสเพราะการกระทำในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป โจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสเพราะการกระทำในการชุลมุนต่อสู้กันนั้น สารสำคัญในความผิดที่พิจารณาได้ความ คือ มีการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป สารสำคัญเหล่านี้ไม่มีปรากฏในข้อเท็จจริงตามคำฟ้องของโจทก์เลย โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยทั้งสองทำร้ายร่างกายโจทก์แต่ฝ่ายเดียว ไม่มีการชุลมุนต่อสู้กันแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ขาดข้อเท็จจริงอันเป็นข้อสารสำคัญเป็นองค์ความผิด หาใช่เพียงแตกต่างกันในรายละเอียดที่ต้องกล่าวมาในฟ้องเท่านั้นไม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว
พิพากษายืน