คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2549

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองกับพวกที่หลบหนีไปได้และผู้เสียหายได้ทำพิธีปลุกเสกเหรียญรัชกาลที่ 5 เพื่อให้ได้เลขสลากกินรวบ ต่อมาจำเลยทั้งสองกับพวกได้ขับรถยนต์กระบะมารับผู้เสียหายไปซื้อหวยใต้ดิน (สลากกินรวบ) โดยตกลงกันว่าจะไปซื้อหวยใต้ดินที่อำเภอสวี จังหวัดชุมพร เมื่อเดินทางมาถึง ผู้เสียหายได้มอบเงินให้จำเลยที่ 2 เพื่อซื้อหวยใต้ดิน เหตุที่ผู้เสียหายไม่ซื้อหวยใต้ดินเองเพราะหมอไสยศาสตร์บอกว่าให้รวบรวมเงินฝากให้จำเลยที่ 2 ไปซื้อ เมื่อถูกหวยแล้วจะได้นำเงินไปทอดผ้าป่า หลังจากมอบเงินให้จำเลยที่ 2 แล้ว จำเลยที่ 2 กับพวกก็หลบหนีไป พฤติการณ์ของผู้เสียหายดังกล่าวเป็นการร่วมกับจำเลยทั้งสองกับพวกเล่นการพนันสลากกินรวบอันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายมีโทษทางอาญา ผู้เสียหายคดีนี้จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยที่จะมีสิทธิร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานตำรวจดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสองในความผิดฐานฉ้อโกงซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ พนักงานสอบสวนย่อมไม่มีอำนาจสอบสวนคดีนี้และพนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2541 ถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2541 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองกับพวกอีก 4 คนที่หลบหนีโดยทุจริตได้ร่วมกันหลอกลวงนางสาคร อินทะเสม ผู้เสียหาย ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ โดยการใช้ไฟจุดเทียนลับหลังผู้เสียหาย และนำเอาเทียนดังกล่าวหยดลงบนเหรียญรัชกาลที่ 5 ปรากฏเป็นเลข 96 ซึ่งอ้างว่าจะเป็นเลขท้าย 2 ตัวของรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาลประจำงวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2541 อันเป็นความเท็จซึ่งความจริงจำเลยทั้งสองกับพวกไม่สามารถกระทำการให้เป็นเลขสลากกินแบ่งรัฐบาลในงวดดังกล่าวได้ โดยการหลอกลวงของจำเลยทั้งสองกับพวกดังกล่าวทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและมอบเงิน 50,000 บาท ให้แก่จำเลยทั้งสองกับพวกไปขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงิน 50,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 จำคุกคนละ 6 เดือน ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงิน 50,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยทั้งสองกับพวกที่หลบหนีไปได้และผู้เสียหายได้ทำพิธีปลุกเสกเหรียญรัชกาลที่ 5 เพื่อให้ได้เลขสลากกินรวบจนปรากฏเป็นเลข 96 ซึ่งอ้างว่าเป็นเลขท้าย 2 ตัวของรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาลประจำงวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2541 ความจริงเลขดังกล่าวไม่ตรงกับเลขท้าย 2 ตัวของรางวัลที่ 1 ในงวดดังกล่าว คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในเบื้องต้นว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่ข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของนางสาคร อินทะเสม ผู้เสียหายพยานโจทก์ว่าเมื่อหมอไสยศาสตร์ได้ทำพิธีปลุกเสกเหรียญรัชกาลที่ 5 ได้เลข 96 มาแล้ว ต่อมาวันที่ 28 ตุลาคม 2541 จำเลยทั้งสองกับพวกได้ขับรถยนต์กระบะมารับผู้เสียหายไปซื้อหวยใต้ดิน (สลากกินรวบ) โดยตกลงกันว่าจะไปซื้อหวยใต้ดินที่อำเภอสวี จังหวัดชุมพร เพราะเจ้ามือหวยใต้ดินที่อำเภอดังกล่าวกำลังดวงไม่ดี เมื่อเดินทางมาถึงหลังโรงพยาบาลชุมพรได้มีการจอดรถ ผู้เสียหายได้มอบเงินจำนวน 50,000 บาท ให้จำเลยที่ 2 เพื่อซื้อหวยใต้ดิน เหตุที่ผู้เสียหายไม่ซื้อหวยใต้ดินเองเพราะหมอไสยศาสตร์บอกว่า ให้รวบรวมเงินฝากให้จำเลยที่ 2 ไปซื้อ เมื่อถูกหวยแล้วจะได้นำเงินไปทอดผ้าป่า หลังจากมอบเงินให้จำเลยที่ 2 แล้ว จำเลยที่ 2 กับพวก ก็หลบหนีไป เห็นว่า พฤติการณ์ของผู้เสียหายดังกล่าวข้างต้นเป็นการร่วมกับจำเลยทั้งสองกับพวกเล่นการพนันสลากกินรวบอันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายมีโทษทางอาญา ผู้เสียหายคดีนี้จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยที่จะมีสิทธิร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานตำรวจดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสองในความผิดฐานฉ้อโกงซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ พนักงานสอบสวนย่อมไม่มีอำนาจสอบสวนคดีนี้ และพนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย คดีไม่จำต้องวินิจฉัยของจำเลยทั้งสองต่อไป”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share