แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การที่ภาวะเศรษฐกิจราคาน้ำมันแพงทำให้แหล่งเงินที่จำเลยขอกู้และหยิบยืมไม่มีเงินให้จำเลย จึงไม่มีเงินเพียงพอที่จะนำมาวางเป็นค่าฤชาธรรมเนียมศาลได้ ถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีมีพฤติการณ์พิเศษตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาการค้าระหว่าประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ที่ศาลจะมีคำสั่งขยายระยะเวลาการวางเงินค่าธรรมเนียมศาลในการยื่นอุทธรณ์ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2547 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 7,134,247.79 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14.5 ต่อปี หรือปรับเปลี่ยนดอกเบี้ยตามช่วงระยะเวลาตามประกาศธนาคารโจทก์ เรื่องกำหนดอัตราดอกเบี้ยหรือส่วนลดประเภทที่ผิดนัดชำระหนี้ที่ออกตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยทีมีภายหลัง แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 14.5 ต่อปี ในต้นเงินจำนวน 4,216,970.62 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2546) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในวงเงินคนละ 3,500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14.5 ต่อปี หรือปรับเปลี่ยนดอกเบี้ยเช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 ดังกล่าวข้างต้นในต้นเงินตามจำนวนที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 แต่ละคนต้องร่วมรับผิดดังกล่าว กับให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความเป็นเงิน 20,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระค่าฤชาธรรมเนียมตามส่วนของจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไป 30 วัน ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาต วันที่ 22 พฤศจิกายน 2547 จำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาและขอเลื่อนการสาบานตัวรวม 3 ครั้ง จนวันที่ 14 มีนาคม 2548 จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องไม่ประสงค์จะดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์และขอขยายระยะเวละการวางเงินค่าธรรมเนียมออกไป 30 วัน ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาต ครั้นครบกำหนด จำเลยทั้งสามขอขยายเวลาการวางเงินค่าธรรมเนียมอีก 5 ครั้ง ครั้งละ 30 วัน โดยครั้งที่ 3 และครั้งที่ 4 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้กำชับ และถือว่าไม่ติดใจยื่นอุทธรณ์ ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2548 จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมออกไปอีก 30 วัน โดยอ้างเหตุเช่นเดิมว่า เนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจราคาน้ำมันแพงทำให้แหล่งเงินที่จำเลยขอกู้และหยิบยืมนั้นต่างได้รับผลกระทบ ทำให้เงินที่จำเลยจะได้รับไม่เพียงพอที่จะนำมาวางเป็นค่าธรรมเนียมศาลได้
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งว่า พิเคราะห์ตามคำร้องและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่เห็นควรอนุญาต ให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า การที่จำเลยทั้งสามอ้างในคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2548 โดยอ้างเหตุภาวะเศรษฐิกิจราคาน้ำมันแพงทำให้แหล่งเงินที่จะเลยขอกู้และหยิบยืมไม่มีเงินให้จำเลย จึงไม่มีเงินเพียงพอที่จะนำมาวางเป็นค่าฤชาธรรมเนียมศาลได้ พฤติการณ์ดังกล่าวถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีมีพฤติการณ์พิเศษตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพ.ศ. 2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ที่ศาลจะมีอำนาจสั่งขยายระยะเวลาการวางเงินค่าธรรมเนียมได้ และพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามเป็นการประวิงคดี ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยทั้งสามชอบแล้ว”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ.