แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาท ได้ระบุวันที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินสัญญาจะใช้เงินให้แก่โจทก์ไว้ จึงเป็นหนี้ที่มีกำหนดเวลาแน่นอนตามวันแห่งปฏิทิน คือในวันที่กำหนดไว้ในตั๋วสัญญาใช้เงิน เมื่อถึงกำหนดเมื่อใด และจำเลยที่ 1 ไม่ชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว จำเลยที่ 1 จึงตกเป็นผู้ผิดนัดทันที โดยไม่ต้องบอกกล่าวตาม ป.พ.พ. มาตรา 204 วรรคสอง แม้มาตรา 985 จะบัญญัติให้นำมาตรา 941 ในเรื่องตั๋วแลกเงินมาใช้บังคับในเรื่องตั๋วสัญญาใช้เงินด้วยก็ตาม แต่ก็ต้องใช้เท่าที่ไม่ขัดต่อสภาพแห่งตั๋วสัญญาใช้เงิน ซึ่งตามบทบัญญัติในเรื่องตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น ตั๋วสัญญาใช้เงินที่จะต้องนำไปให้ผู้ออกตั๋วจดรับรู้ หรือตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งให้ใช้เงินในเวลาใดเวลาหนึ่งภายหลังที่ได้เห็นเท่านั้น ตามมาตรา 986 วรรคสอง เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทเป็นตั๋วที่กำหนดวันใช้เงินชัดแจ้งแล้ว จึงไม่อยู่ในบังคับมาตรา 986 วรรคสอง โจทก์จึงไม่ต้องนำตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทไปยื่นตามมาตรา 941 อีก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินจำนวน 186,493,058.66 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14.5 ต่อปี ในต้นเงินจำนวน 124,247,216.42 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสี่ให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินจำนวน 186,493,058.66 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14.5 ต่อปี ในต้นเงินจำนวน 124,247,216.42 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 20,000 บาท
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาททั้ง 20 ฉบับ ได้ระบุวันที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินสัญญาจะใช้เงินให้แก่โจทก์ไว้ จึงเป็นหนี้ที่มีกำหนดเวลาแน่นอนตามวันแห่งปฏิทิน คือในวันที่กำหนดไว้ในตั๋วสัญญาใช้เงิน เมื่อถึงกำหนดเมื่อใด และจำเลยที่ 1 ไม่ชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว จำเลยที่ 1 จึงตกเป็นผู้ผิดนัดทันที โดยไม่ต้องบอกกล่าวแต่อย่างใด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204 วรรคสอง แม้มาตรา 985 จะบัญญัติให้นำ มาตรา 941 ในเรื่องตั๋วแลกเงินมาใช้บังคับในเรื่องตั๋วสัญญาใช้เงินด้วยก็ตาม แต่ก็ต้องใช้เท่าที่ไม่ขัดต่อสภาพแห่งตั๋วสัญญาใช้เงิน ซึ่งตามบทบัญญัติในเรื่องตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น ตั๋วสัญญาใช้เงินที่จะต้องนำไปให้ผู้ออกตั๋วจดรับรู้ คือตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งให้ใช้เงินในเวลาใดเวลาหนึ่งภายหลังที่ได้เห็นเท่านั้น ตามมาตรา 986 วรรคสอง เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทเป็นตั๋วที่กำหนดวันใช้เงินชัดแจ้งแล้ว เช่นนี้ จึงไม่อยู่ในบังคับมาตรา 986 วรรคสอง โจทก์จึงไม่ต้องนำตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทไปยื่นตามมาตรา 941 อีก นอกจากนี้ตามสัญญาขายตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยที่ 1 ทำไว้แก่โจทก์ในข้อ 1 วรรคสอง ระบุไว้ว่าในกรณีที่จำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้คืนให้แก่โจทก์ภายในกำหนดเวลาชำระเงินที่ระบุไว้ในตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือชำระหนี้ให้ได้แต่เพียงบางส่วน จำเลยที่ 1 ยินยอมรับผิดชดใช้เงินจำนวนที่ยังค้างชำระทั้งหมดคืนให้กับโจทก์ โดยถือว่าจำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระหนี้ ดังนี้ เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง 20 ฉบับ ที่นำมาขายให้แก่โจทก์แล้ว จำเลยที่ 1 ก็ต้องรับผิดตามสัญญาขายตั๋วสัญญาใช้เงินชำระหนี้ตามจำนวนในตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาททั้ง 20 ฉบับ ให้แก่โจทก์ โจทก์ได้มีหนังสือบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยทั้งสี่ชำระหนี้แก่โจทก์แล้ว ตามหนังสือขอให้ชำระหนี้และใบตอบรับในประเทศ จำเลยทั้งสี่เพิกเฉย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยทั้งสี่ชำระหนี้แก่โจทก์ตามสัญญาขายตั๋วสัญญาใช้เงินได้
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ