คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสมือนไร้ความสามารถยังสามารถประกอบกิจการต่าง ๆได้ด้วยตนเอง เว้นแต่ในบางกรณีจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์เสียก่อนเท่านั้น ฉะนั้นผู้พิทักษ์จึงหามีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถได้ไม่.
(อ้างฎีกาที่ 666/2495)
เรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ ศาลก็ควรยกขึ้นวินิจฉัย.

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดรายพิพาท ระหว่าง จำเลยที่ ๑ – ๒ – ๓ และให้จำเลยที่ ๑ คืนโฉนดที่ดิน
ของดจทก์ ที่จำเลยยึดไว้เป็นประกัน.
จำเลยต่อสู้ว่า เป็นการโอนโดยสุจริต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ คืนโฉนดของโจทก์ให้แก่โจทก์ ข้ออื่น ๆ ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์.
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ นายเสงี่ยม ผู้พิทักษ์เป็นผู้ฟ้องคดีแทนนายอิ่ม ผู้เสมือนไร้ความสามารถ อันปัญกาเรื่องอำนาจฟ้องนี้ เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู่ ศาลก็ควรายกขึ้นวินิจฉัย และปัญหาที่ว่า ผู้พิทักษ์จะมีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถหรือไม่นี้ ตามกฎหมายหาได้มีบัญญัติให้ผู้พิทักษ์ทำแทนได้ไม่ มาตรา ๓๕ ก็แสดงอยู่ว่า ผู้เสมือนไร้ความสามารถยังสามารถประกอบกิจการต่าง ๆ ได้ เว้นแต้ในบางกรณีจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์เสียก่อนเท่านั้น ดังแบบอย่างฎีกาที่ ๖๖๖/๒๔๙๕ ฎีกาของโจทก์จึงฟังไม่ขึ้น พิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์.

Share