คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1716/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ป.วิ.พ. มาตรา 323 บัญญัติว่า “บรรดาเงินต่างๆ ที่ค้างจ่ายอยู่ในศาลหรือที่เจ้าพนักงานบังคับคดี ถ้าผู้มีสิทธิมิได้เรียกเอาภายในห้าปี ให้ตกเป็นของแผ่นดิน” เมื่อพิจารณาคำว่า “เรียกเอา” ประกอบกับคำว่า “บรรดาเงินต่างๆ ที่ค้างจ่ายอยู่ในศาล” แล้วเป็นที่เข้าใจได้ว่าผู้มีสิทธิรับเงินจะต้องเรียกเอาเงินหรือขอรับเงินที่ตนมีสิทธิจะได้รับจากศาลและต้องมารับเงินตามที่เรียกหรือขอด้วย หรือในกรณีที่ศาลออกเช็คแทนการจ่ายเป็นเงินสดผู้มีสิทธิรับเงินก็ต้องนำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารหากผู้มีสิทธิรับเงินเพียงแต่แถลงขอรับเงินจากศาลแต่ไม่มารับเงินตามที่ขอ หรือมิได้นำเช็คที่ศาลออกให้ไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร เงินที่ศาลจะต้องจ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิดังกล่าวจะยังคงอยู่ที่ศาลและถือเป็นเงินค้างจ่ายอยู่ในศาลตามบทบัญญัติดังกล่าว
โจทก์ยื่นคำบอกกล่าวขอถอนฟ้องพร้อมกับยื่นคำแถลงขอรับเงินค่าขึ้นศาลที่ศาลสั่งคืนเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2542 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องในวันเดียวกันและสั่งคืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์ 57,100 บาท โดยศาลชั้นต้นได้คืนเงินค่าขึ้นศาลให้โจทก์เป็นเช็ค แต่โจทก์มิได้มารับเช็คภายใน 1 ปี ศาลชั้นต้นจึงยกเลิกเช็คดังกล่าว เงินค่าขึ้นศาลสั่งคืนจึงเป็นเงินค้างจ่ายอยู่ในศาล การที่โจทก์ยื่นคำแถลงขอรับเงินค่าขึ้นศาลสั่งคืนแต่มิได้มารับเช็คค่าขึ้นศาลที่ศาลออกให้ไปเรียกเก็บเงินจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิเรียกเอาเงินดังกล่าวแล้ว และการที่ศาลชั้นต้นออกเช็คค่าขึ้นศาลให้โจทก์ก็ไม่มีผลทำให้เงินค่าขึ้นศาลสิ้นสภาพจากการเป็นเงินค้างจ่ายอยู่ในศาล

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 2,538,025.25 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ของต้นเงิน 2,020,071.11 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน ต่อมาวันที่ 26 มกราคม 2542 โจทก์ยื่นคำบอกกล่าวขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสองพร้อมกับยื่นคำแถลงขอรับเงินค่าขึ้นศาลที่ศาลสั่งคืน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง จำหน่ายคดีจากสารบบความ คืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์ 57,100 บาท
วันที่ 22 กันยายน 2547 โจทก์ยื่นคำร้องว่า หลังจากศาลสั่งคืนเงินค่าขึ้นศาลแล้ว ศาลชั้นต้นได้ออกเช็คค่าขึ้นศาลให้โจทก์เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2542 และต่อมาได้มีคำสั่งยกเลิกเช็คดังกล่าวเนื่องจากโจทก์ไม่ไปรับเช็คภายใน 1 ปี จึงขอให้ออกเช็คค่าขึ้นศาลฉบับใหม่แก่โจทก์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์มิได้เรียกเอาเงินค่าขึ้นศาลภายใน 5 ปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323 เงินดังกล่าวจึงตกเป็นของแผ่นดิน ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าโจทก์มีสิทธิรับเงินค่าขึ้นศาลที่ศาลสั่งคืนหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323 บัญญัติว่า “บรรดาเงินต่างๆ ที่ค้างจ่ายอยู่ในศาลหรือที่เจ้าพนักงานบังคับคดี ถ้าผู้มีสิทธิมิได้เรียกเอาภายในห้าปี ให้ตกเป็นของแผ่นดิน” เมื่อพิจารณาคำว่า “เรียกเอา” ประกอบกับคำว่า “บรรดาเงินต่างๆ ที่ค้างจ่ายอยู่ในศาล” แล้วเป็นที่เข้าใจได้ว่าผู้มีสิทธิรับเงินจะต้องเรียกเอาเงินหรือขอรับเงินที่ตนมีสิทธิจะได้รับจากศาลและต้องมารับเงินตามที่เรียกหรือขอด้วย หรือในกรณีที่ศาลออกเช็คแทนการจ่ายเป็นเงินสดผู้มีสิทธิรับเงินก็ต้องนำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร หากผู้มีสิทธิรับเงินเพียงแต่แถลงขอรับเงินจากศาลแต่ไม่มารับเงินตามที่ขอ หรือมิได้นำเช็คที่ศาลออกให้ไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร เงินที่ศาลจะต้องจ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิดังกล่าวก็จะยังคงอยู่ที่ศาลและถือเป็นเงินค้างจ่ายอยู่ในศาลตามบทบัญญัติดังกล่าว คดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ยื่นคำบอกกล่าวขอถอนฟ้องพร้อมกับยื่นคำแถลงขอรับเงินค่าขึ้นศาลที่ศาลสั่งคืนเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2542 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องในวันเดียวกันและสั่งคืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์ 57,100 บาท โดยศาลชั้นต้นได้คืนเงินค่าขึ้นศาลให้โจทก์เป็นเช็ค แต่โจทก์มิได้มารับเช็คภายใน 1 ปี ศาลชั้นต้นจึงยกเลิกเช็คดังกล่าว เงินค่าขึ้นศาลที่ศาลสั่งคืนจึงเป็นเงินค้างจ่ายอยู่ในศาลการที่โจทก์ยื่นคำแถลงขอรับเงินค่าขึ้นศาลสั่งคืนแต่มิได้มารับเช็คค่าขึ้นศาลที่ศาลออกให้ไปเรียกเก็บเงินจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิเรียกเอาเงินดังกล่าวแล้ว และการที่ศาลชั้นต้นออกเช็คค่าขึ้นศาลให้โจทก์ก็ไม่มีผลทำให้เงินค่าขึ้นศาลสิ้นสภาพจากการเป็นเงินค้างจ่ายอยู่ในศาลดังที่โจทก์ฎีกา ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นมิได้จ่ายเงินค่าขึ้นศาลให้โจทก์ทันทีที่มีคำสั่ง แต่ได้ออกเช็คค่าขึ้นศาลให้โจทก์ในภายหลังเนื่องจากตามระเบียบการจ่ายเงินของศาลมิให้จ่ายเป็นเงินสดในการออกเช็คดังกล่าว ศาลชั้นต้นมิได้แจ้งให้ทราบถึงวันออกเช็คเพื่อให้โจทก์มารับเช็ค และเมื่อมีการยกเลิกเช็คดังกล่าวก็มิได้แจ้งให้ทราบเช่นกัน ถือว่าไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ แต่เมื่อนับจากวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกเช็คดังกล่าวจนถึงวันที่โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นออกเช็คค่าขึ้นศาลฉบับใหม่แล้วยังไม่พ้นกำหนดห้าปีโจทก์จึงมีสิทธิขอรับเงินค่าขึ้นศาลนั้น เป็นฎีกาข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ภาค 2 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนฎีกาโจทก์นอกเหนือจากนี้เป็นรายละเอียดปลีกย่อยแม้วินิจฉัยให้ก็ไม่มีผลทำให้คดีเปลี่ยนแปลงจึงไม่จำต้องวินิจฉัย ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันมาไม่คืนเงินค่าขึ้นศาลให้โจทก์เพราะโจทก์มิได้เรียกเอาภายใน 5 ปี เงินดังกล่าวจึงตกเป็นของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323 นั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share