แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์แก้ไขเดือนในใบส่งของเพื่อไม่ให้คดีโจทก์ขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (1) แล้วนำมาฟ้องจำเลยให้รับผิดตามสัญญาซื้อขายและใช้อ้างเป็นพยานในคดี เป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริต โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้ชำระราคาค่าสินค้าตามใบส่งของดังกล่าวได้ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะไม่ได้ให้การต่อสู้ในศาลชั้นต้น จำเลยก็ยกขึ้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 346,116 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 304,278 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 240,000 บาท นับแต่วันฟ้อง (21 มิถุนายน 2542) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 240,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2542 ซึ่งเป็นวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์ 5,000 บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยก่อนว่าโจทก์ใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตและมีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า นายสว่างผู้รับมอบอำนาจโจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านรับว่า ใบส่งของเอกสารหมาย ล.1 ถึง ล.23 เป็นเอกสารของบริษัทโจทก์จริงและเป็นฉบับเดียวกันกับใบส่งของเอกสารหมาย จ.3 ถึง จ.22 ซึ่งมีการแก้ไข เพียงแต่อ้างว่าไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนแก้ไข เมื่อได้พิจารณาเอกสารดังกล่าวทั้งหมดประกอบคำเบิกความของนายสว่างแล้ว เห็นได้ว่าเอกสารหมาย จ.3 ถึง จ.22 และ ล. 1ถึง ล.23 เป็นเอกสารชุดเดียวกัน เอกสารหมาย จ.3 ถึง จ.22 ทุกฉบับยกเว้นเอกสารหมาย จ.7 ซึ่งตรงกันกับเอกสารหมาย ล.7 มีการแก้ไขจากเดือน 4 หรือเดือนเมษายนเป็นเดือน 6 หรือเดือนมิถุนายน และจากเดือน 5 หรือเดือนพฤษภาคมเป็นเดือน 7 หรือเดือนกรกฎาคม เอกสารดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของโจทก์ เชื่อว่าโจทก์มีส่วนรู้เห็นในการแก้ไขเพื่อมิให้ขาดอายุความ 2 ปี ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (1) เนื่องจากโจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 21 มิถุนายน 2542 ใบส่งเอกสารหมาย จ.3 ถึง จ.22 ยกเว้น จ.7 ที่โจทก์นำมาฟ้องและใช้อ้างเป็นพยานในคดีจึงเป็นเอกสารปลอม เป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริต โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกให้จำเลยชำระค่าสินค้าตามใบส่งของดังกล่าว ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะไม่ได้ให้การต่อสู้ในศาลชั้นต้น จำเลยก็ยกขึ้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง ส่วนคำร้องของจำเลยขอให้ศาลไกล่เกลี่ยฉบับลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2542 นั้นจำเลยปฏิเสธความถูกต้องอ้างว่าฝ่ายโจทก์เป็นผู้จัดทำขึ้นนำมาให้จำเลยลงลายมือชื่อโดยไม่ทราบข้อความเพราะจำเลยอ่านภาษาไทยไม่ได้ จะถือว่าจำเลยยอมรับว่าเป็นหนี้โจทก์ไม่ได้และไม่อาจนำมารับฟังให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 15,960 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ.