แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอขยายเวลาอุทธรณ์โดยอ้างว่ายังไม่ได้รับอนุมัติเบิกจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์จากจำเลย เนื่องจากกรรมการบริษัทจำเลยล้มป่วยลงหลังจากเดินทางกลับจากต่างประเทศไม่สามารถเดินทางไปทำงานที่บริษัทจำเลยได้ ข้ออ้างดังกล่าวมิใช่เหตุจำเป็นที่จะสมควรขยายเวลาให้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 19 เพราะกรรมการบริษัทจำเลยมี 2 คน ซึ่งกรรมการหนึ่งคนสามารถลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญบริษัทจำเลย และมีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจำเลยได้ ซึ่งตามคำร้องของจำเลยไม่ปรากฏว่ากรรมการบริษัทจำเลยป่วยทั้ง 2 คน การที่กรรมการบริษัทจำเลยที่เหลืออยู่ไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมไปมอบให้แก่ทนายจำเลย จึงเป็นกรณีที่จำเลยไม่ขวนขวายนำเงินค่าฤชาธรรมเนียม ในการอุทธรณ์ไปวางศาลภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ค่าภาษีอากรแก่โจทก์ทั้งสองจำนวน 256,235 บาท
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ค่าภาษีอากรแก่โจทก์ทั้งสองจำนวน 256,235 บาท กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอขยายเวลาอุทธรณ์ออกไปอีก 15 วัน นับแต่วันที่ครบกำหนดเป็นต้นไป ศาลภาษีอากรกลางอนุญาตให้จำเลยยื่นอุทธรณ์ได้ภายในวันที่ 22 กรกฎาคม 2542 ต่อมาทนายจำเลยยื่นคำร้องขอขยายเวลาอุทธรณ์ครั้งที่สองออกไปอีก 10 วัน นับจากวันที่ครบกำหนดเป็นต้นไป ศาลภาษีอากรกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ทนายจำเลยอ้างว่ายังไม่ได้รับอนุมัติเบิกจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์ ถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษจึงไม่อนุญาต ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า มีเหตุจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ที่ศาลสมควรจะอนุญาตให้จำเลยขยายเวลาอุทธรณ์ครั้งที่สองออกไปอีก 10 วัน นับจากวันครบกำหนดขอขยายเวลาอุทธรณ์ครั้งแรกหรือไม่ เห็นว่า ข้ออ้างตามคำร้องของทนายจำเลยที่ว่า ยังไม่ได้รับอนุมัติเบิกจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์ เนื่องจากกรรมการบริษัทจำเลยล้มป่วยลงหลังจากเดินทางกลับจากต่างประเทศและไม่สามารถเดินทางไปทำงานที่บริษัทจำเลยได้นั้น มิใช่เหตุจำเป็นที่จะสมควรขยายเวลาให้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2538 มาตรา 19 เพราะกรรมการของบริษัทจำเลยมี 2 คน กรรมการหนึ่งคนลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญบริษัทจำเลย มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจำเลยได้ ซึ่งตามคำร้องของทนายจำเลยไม่ปรากฏว่ากรรมการบริษัทจำเลยป่วยทั้งสองคน การที่กรรมการบริษัทจำเลยที่เหลืออยู่ไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมไปมอบให้แก่ทนายจำเลย จึงเป็นกรณีที่จำเลยไม่ขวยขวายนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์ไปวางศาลภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังปรากฏว่า ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายเวลาอุทธรณ์แก่จำเลยหลังครบกำหนดเวลาอุทธรณ์อีก 15 วัน ซึ่งหากจำเลยเจตนาจะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา จำเลยก็มีเวลาถึง 45 วัน ที่จะยื่นได้ หากจำเลยยังไม่มีเงินค่าฤชาธรรมเนียม จำเลยก็สามารถยื่นอุทธรณ์ก่อนแล้วขอผัดผ่อนการวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมต่อศาล แต่จำเลยหาได้กระทำเช่นนั้นไม่ ที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งยกคำร้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.