คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พวกของจำเลยใช้ อาวุธปืนยิง ช. คนขับรถขณะที่จำเลยกำลังปลดทรัพย์ผู้เสียหายและคนโดยสารอื่น แม้จำเลยจะไม่ได้เป็นคนใช้ อาวุธปืนยิง ช. ด้วย ตนเอง แต่ พวกของจำเลยรวมทั้งจำเลยเองก็มีอาวุธปืนติดตัว มาด้วย ในการปล้นทรัพย์จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ ว่า พวกของจำเลยอาจใช้ อาวุธปืนยิงผู้ใดผู้หนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนไปทำการลักทรัพย์ผู้เสียหาย ขณะที่ผู้เสียหายกำลังโดยสารรถยนต์โดยสารประจำทาง และจำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายชัยยุทธ บงสุนันท์ เพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ พาทรัพย์นั้นไปให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนและเพื่อให้พ้นจากการจับกุม อันเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 80, 83, 288,388, 289, 340, 340 ตรี ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน2514 ข้อ 14, 15 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 30,980 บาท แก่ผู้เสียหายและริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 249(6),80, 83, 349 วรรคสาม, วรรคสี่ ประกอบมาตรา 340 ตรี การกระทำของจำเลยเป็นเกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 289(6) ประกอบมาตรา 80 ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา 90 จำคุกตลอดชีวิต ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน30,940 บาท แก่ผู้เสียหาย ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า พวกของจำเลยเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงนายชัยยุทธคนขับรถขณะที่จำเลยกำลังปลดทรัพย์ผู้เสียหายและคนโดยสารอื่น แม้จำเลยจะไม่ได้เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงนายชัยยุทธด้วยตนเอง แต่พวกของจำเลยรวมทั้งจำเลยเองก็มีอาวุธปืนติดตัวมาในการปล้นทรัพย์ จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่าพวกของจำเลยอาจใช้อาวุธปืนยิงผู้ใดผู้หนึ่งในรถคันเกิดเหตุหากผู้นั้นขัดขืน เพื่อความสะดวกในการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ฉะนั้นที่พวกของจำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายชัยยุทธ แต่นายชัยยุทธไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น เพื่อสะดวกในการปล้นทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้อง
พิพากษายืน

Share